เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) สภายุโรปอนุมัติข้อตกลงการค้าเสรีแคนาดา-ยุโรป CETA ที่สามารถลดกำแพงภาษีสินค้าส่งออกได้ถึง 98% ด้วยมติ 408 ต่อ 254 ท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วงประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วย อ้างข้อตกลงนำมาสู่การแปรรูปภาครัฐ ถือเป็นการปักธงการค้าเสรีครั้งสำคัญภายใต้การค้าโลกที่มีวอชิงตันชูโรงมาตรการแข็งกร้าวปกป้องการค้าภายใน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่ากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านข้อตกลงการค้าเสรีแคนาดา-ยุโรป CETA ต่างประท้วงบริเวณนอกประตูหน้าตึกที่ทำการตึกรัฐสภายุโรปในสตราสบูร์ก (Strasbourg) ฝรั่งเศสเมื่อวันพุธ (15) ซึ่งมีการคาดหวังว่าข้อตกลงการค้าเสรี CETA ถูกบังคับใช้แล้วจะสามารถลดกำแพงภาษีส่งออกได้สูงถึง 98% ที่ทางสหภาพยุโรปคาดหวังว่า การทลายกำแพงภาษีจะสามารถกระตุ้นการเติบโตได้ถึง 20% จากมูลค่าการค้าร่วมระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต่ำกว่า 60 พันล้านยูโรต่อปี
โดยฝ่ายผู้สนับสนุนระบุว่า มูลค่าของข้อตกลงนี้สูงถึง 1.3 พันล้านปอนด์ต่อปีเฉพาะแค่กับอังกฤษ ในช่วงระหว่างที่อังกฤษยังไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกอียู สื่ออังกฤษชี้
ในขณะที่ประธานคณะกรรมการยุโรป ฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ได้ให้ความเห็นถึงการอนุมัติสภายุโรปครั้งนี้ว่า “ถือเป็นหลักไมล์ที่สำคัญ” พร้อมกล่าวต่อว่า “บริษัทยุโรป และพลเมืองยุโรปจะสามารถได้รับผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีเร็วที่สุด”
ด้าน กีย์ เวอร์ฮอฟสตาดท์ (Guy Verhofstadt) อดีตนายกรัฐมนตรีเบลเยียม และผู้นำกลุ่มพันธมิตรเพื่อลิเบอรัลและเดโมแครตเพื่อยุโรป ALDE และมีที่นั่งในรัฐสภายุโรป ประกาศว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงให้พวกเราเห็นถึงแง่ดีของการใกล้ชิดกับแคนาดา ซึ่งในขณะที่ทรัมป์ต้องการตั้งกำแพงภาษีศุลกากร แต่พวกเราไม่แค่เฉพาะทำลายเท่านั้น แต่ยังตั้งมาตรฐานความก้าวหน้าที่สูงมากไปกว่าที่เป็นอยู่”
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดในข้อตกลงนี้ได้สร้างความกังวลให้กับบรรดาสมาชิกรัฐสภายุโรปจากสายพรรคกรีน และพรรคสังคมนิยมกังวลว่า ข้อตกลงนี้อาจทำให้เกิดการแปรรูปภาครัฐ
ซึ่งเดอะการ์เดียนชี้ว่า จุดแข็งของข้อตกลง CETA นี้คือ สามารถประนีประนอมในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขและการแพทย์ รวมไปถึงด้านสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากข้อตกลงได้อนุญาตให้มีการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อตัดสินกรณีความขัดแย้งระหว่างนักลงทุนภาคเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐประเทศคู่สัญญา ซึ่งทำให้ฝ่ายไม่เห็นด้วยชี้ว่า CETA ให้อำนาจกับบริษัทเอกชนและตัวแทนทางกฎหมายของบริษัทเหล่านั้นมากจนเกินไป
แต่ทว่า เซซิเลีย มาล์มสตรอม (Cecilia Malmstroem) หัวหน้าการเจรจาฝั่งยุโรป ได้ประกาศกับสมาชิกรัฐสภายุโรปว่า “ไม่มีสิ่งใดในข้อตกลงการค้าฉบับนี้ที่จะบั่นทอนสิทธิของรัฐบาลในการกับกับเพื่อผลประโยชน์ทางสาธารณะ”
ท่ามกลางการลงคะแนนของสมาชิกรัฐสภายุโรปภายในตึกรัฐสภา แต่ด้านนอกรั้วกลับมีกลุ่มผู้ประท้วงไม่เห็นด้วยจำนวน 700 คนพยายามที่จะป่วนการลงคะแนน เพื่อต้องการประกาศจุดยืนต่อต้านข้อตกลงการค้าเสรีแคนาดา-ยุโรป โดยพบว่าบรรดากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านโลกาภิวัตน์ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัย พยายามปิดกั้นทางเข้าตึกรัฐสภายุโรปก่อนที่จะถูกกลุ่มตำรวจปราบจลาจลฝรั่งเศสลากตัวออกไป
และถึงแม้ว่าทางฝ่ายสมาชิกพรรคกรีนและสังคมนิยมจะมีความกังวล แต่ทว่าหลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายที่ใช้เวลานานร่วม 3 ชม. ที่ประชุมได้ลงมติสนับสนุนด้วยเสียงสนับสนุน 408 เสียงต่อเสียงคัดค้าน 254 เสียง และงดออกเสียงอีก 33 เสียง
เดอะการ์เดียนรายงานต่อว่า และหลังจากที่รัฐสภายุโรปอนุมัติแล้ว คาดว่าข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้จะสามารถมีผลบังคับใช้ได้เร็วที่สุดในในเดือนหน้าที่จะถึงนี้ ถึงแม้ว่าสำหรับเนเธอร์แลนด์ อาจจะยังคงมีการต่อต้าน หากว่าทางเนเธอร์แลนด์ประกาศให้มีการจัดประชามติออกเสียงก่อน
และมีรายงานว่า ในวันนี้ (16 ก.พ.) นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด มีกำหนดจะขึ้นแถลงกับรัฐสภายุโรปเพื่อแสดงถึงชัยชนะครั้งสำคัญของข้อตกลงการค้าเสรีร่วมที่ได้รับการลงนามร่วมกันเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ใช้เวลาการเจรจามาราธอนมาตลอด 7 ปีก่อนหน้านั้น
