รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียกล่าว่า การห้ามชาวซีเรียเข้าประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งเป้าผู้ก่อการร้ายไม่ใช่ชาวซีเรีย ซึ่งดูเหมือนเป็นการปกป้องเหตุผลของมาตรการดังกล่าวในรายกายสัมภาษณ์ในวันนี้ (16)
เมื่อเดือนที่แล้วทรัมป์ได้ออกคำสั่งบริหารที่ห้ามไม่ให้นักเดินทางจากเจ็ดประเทศมุสลิมรวมถึงซีเรียเข้าประเทศชั่วคราวและสั่งไม่รับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอย่างไม่มีกำหนด แต่คำสั่งดังกล่าวถูกระงับแล้วโดยผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ
“มันมีไว้ป้องกันผู้ก่อการร้ายที่จะแอบแผงเป็นผู้อพยพไปยังตะวันตก และสิ่งนั้นเคยเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นในยุโรปส่วนใหญ่ในเยอรมนี” อัสซาด กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุยุโรป 1 และสถานีโทรทัศน์ทีเอฟ 1 ซึ่งมีการบันทึกเทปเป็นภาษาอังกฤษเมื่อวันอังคาร (14)
“ผมคิดว่าเป้าหมายของทรัมป์คือเพื่อป้องกันไม่ให้คนเหล่านั้นเข้ามา มันไม่ได้มีไว้ป้องกันชาวซีเรีย” เขากล่าว
ทรัมป์กล่าวว่า คำสั่งของเขาซึ่งจุดชนวนการประท้วงในและนอกประเทศและสร้างความสับสนที่สนามบินสหรัฐฯและสนามนานาชาติมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มติดอาวุธเข้ามาในสหรัฐฯ รัฐบาลของเขากำลังคัดค้านคำสั่งระงับนี้ ซึ่งถูกพิพากษายืนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์
รัฐบาลของอัสซาดมักวิพากษ์วิจารณ์ประเทศตะวันตกที่ให้การสนับสนุนกลุ่มกบฏซีเรีย ซึ่งล้วนถูกดามัสกัสมองว่าเป็นผู้ก่อการร้าย และเตือนว่า การสนับสนุนเช่นนี้จะทำให้เกิดการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธทั่วโลก
ทรัมป์ยังไม่มีนโยบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับซีเรียแต่เคยระบุว่า เขาอาจระงับการสนับสนุนกลุ่มกบฏของสหรัฐฯและกล่าวว่า เขาต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซียภายใต้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน พันธมิตรต่างชาติที่เข้มแข็งที่สุดของอัสซาด
เมื่อถูกถามตรงๆ ว่า นโยบายตรวจคนเข้าเมืองของทรัมป์ถูกต้องหรือไม่ เขาไม่ได้ให้คำตอบ เขากล่าวด้วยว่า เขายังไม่เห็นเลยว่านโยบายซีเรียของทรัมป์คืออะไร