รอยเตอร์ - รอยยิ้มและอ้อมกอดที่อบอุ่นระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ซึ่งเดินทางเยือนวอชิงตันอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์สหรัฐฯ - ญี่ปุ่น โดย ทรัมป์ ได้เชื้อเชิญ อาเบะ ขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันไปยังรัฐฟลอริดา เพื่อ “ออกรอบ” ด้วยกันในช่วงสุดสัปดาห์ ส่วนข้อเรียกร้องให้โตเกียวต้องจ่ายเงินอุดหนุนกองทัพอเมริกันเพิ่มก็ดูเหมือนจะถูก “ลืม” ไปชั่วคราว
ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ อาเบะ เห็นได้ชัดว่า ทรัมป์ พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดเผ็ดร้อนที่เขาเคยวิจารณ์ญี่ปุ่นมาก่อน ทั้งเรื่องที่โตเกียวพึ่งพาการป้องกันทางทหารจากอเมริกาโดยไม่จ่ายเงินอุดหนุนมากพอ และขโมยตำแหน่งงานของชาวอเมริกัน
“สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะรักษาพันธกรณีในการปกป้องความมั่นคงของญี่ปุ่น และดินแดนทุกแห่งซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้ความเป็นพันธมิตรอันสำคัญยิ่งของเราแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไป” ทรัมป์ ระบุ
“สายสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประชาชนของเราทั้งสองแนบแน่นลึกซึ้ง และรัฐบาลของผมพร้อมที่จะส่งเสริมให้ความสัมพันธ์นี้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม”
คำแถลงร่วมของทั้ง 2 ฝ่าย ยังย้ำเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของสหรัฐฯ ในการปกป้องแดนอาทิตย์อุทัย ทั้งด้วยศักยภาพด้านการทหารแบบดั้งเดิม และอาวุธนิวเคลียร์
ประเด็นนี้นับว่าเป็นชัยชนะสำหรับ อาเบะ ซึ่งการเยือนวอชิงตันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับมิตรและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ และเพื่อรับรองว่าโตเกียวจะยังคงความเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของวอชิงตันอย่างที่เป็นมาตลอดหลายสิบปี
สหรัฐฯ ถือหางญี่ปุ่นในเรื่องข้อพิพาทหมู่เกาะแห่งหนึ่งในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งทั้งโตเกียวและปักกิ่งอ้างความเป็นเจ้าของทับซ้อนกันอยู่
คำแถลงร่วมเมื่อวานนี้ (10) ยืนยันว่า ข้อตกลงความมั่นคงสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นครอบคลุมถึงหมู่เกาะดังกล่าว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “เซ็งกากุ” และชาวจีนเรียกในภาษาของพวกเขาว่า “เตี้ยวอี๋ว์”
อาเบะ ได้กล่าวเชิญ ทรัมป์ ไปเยือนกรุงโตเกียวในปีนี้ ซึ่ง ทรัมป์ ก็ตอบตกลง และจะส่งรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ไปเยือนเมืองหลวงญี่ปุ่นล่วงหน้าก่อนด้วย
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนในเรื่องการค้าก็ยังคงเป็นที่วิตกกังวล หลังจาก ทรัมป์ ประกาศนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership - TPP) ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่รัฐบาล บารัค โอบามา ได้ริเริ่มไว้
อาเบะ ระบุว่า ตน “ทราบดี” ถึงการตัดสินใจถอนตัวออกจาก TPP ของ ทรัมป์ ซึ่งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ก็ได้บรรลุกรอบความตกลงใหม่เพื่อนำไปสู่การเจรจาด้านเศรษฐกิจแล้ว
“ผมค่อนข้างมั่นใจว่า การเจรจาครั้งนี้คงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี” ผู้นำญี่ปุ่นกล่าว พร้อมเสริมว่าโตเกียวปรารถนาที่จะเห็นระเบียบการค้าที่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียมในภูมิภาค
โฆษกอาวุโสของรัฐบาลญี่ปุ่น ยืนยันว่า ทรัมป์ และ อาเบะ ยังไม่ได้หารือไปถึงเรื่องการเงิน และ ทรัมป์ ก็ไม่ได้เรียกร้องให้มีการทำข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคี
โฆษกคนเดิมบอกกับสื่อมวลชนว่า รองนายกรัฐมนตรี ทาโร อาโสะ และรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ จะเป็นผู้นำในการหารือเกี่ยวกับนโยบายการเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และการค้าระหว่าง 2 ประเทศ
ทรัมป์ ซึ่งได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี (9) ยอมรับว่า การจัดการภัยคุกคามนิวเคลียร์เกาหลีเหนือเป็นสิ่งที่เขา “ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ” แต่ก็ไม่ได้ชี้แจงว่าตนเองจะมีแนวทางที่แตกต่างไปจากรัฐบาลโอบามาอย่างไร
การชวน อาเบะ ไปออกรอบที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ถือเป็นครั้งแรกที่ ทรัมป์ ได้ใช้บ้านพักตากอากาศสุดหรูของเขาเพื่อประโยชน์ในทางการทูต และจะเป็นการรับรองผู้นำต่างชาติที่ใช้เวลายาวนานที่สุด นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว
ทรัมป์ เคยต้อนรับ อาเบะ มาแล้วครั้งหนึ่งที่อาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในนครนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นการพบปะผู้นำต่างชาติครั้งแรกของเขา หลังจากชนะศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.
สำหรับคำถามที่ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องจ่ายเงินให้แก่ ทรัมป์ เป็นค่าที่พักของ อาเบะ ในรีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก หรือไม่นั้น ทำเนียบขาวได้ประกาศชัดเจนว่า การไปเยือนครั้งนี้ถือเป็น “ของขวัญ” ที่ ทรัมป์ มอบให้ อาเบะ อย่างเป็นทางการ