เอเจนซีส์ - “ทรัมป์” เผชิญปัญหาจริยธรรมเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และตกเป็นขี้ปากคนทั่วเมืองอีกครั้ง หลังใช้บัญชีทวิตเตอร์ทั้งส่วนตัวและของประธานาธิบดี ด่าห้างดังในสหรัฐฯ โทษฐานเลิกจำหน่ายเสื้อผ้าของ “อิวองกา” ลูกสาวสุดที่รัก ขณะที่นอร์ดสตรอม เป้าหมายการโจมตีของทรัมป์ในครั้งนี้ ยืนยันว่า ตัดสินใจโดยอิงกับยอดขายของแบรนด์อิวองกาที่ดิ่งฮวบเป็นหลัก กระนั้น โฆษกทำเนียบขาวยังไม่วายแถลงเหน็บว่า เป็นการระบายความไม่พอใจที่มีต่อนโยบายของประธานาธิบดี
ในวันพุธ (8 ก.พ.) โดนัลด์ ทรัมป์ ทวิตผ่านบัญชีส่วนตัวและบัญชีอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า อิวองกา บุตรสาวคนโตของตนได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากนอร์ดสตรอม และสำทับว่า บุตรสาวผู้นี้เป็นคนดีที่คอยผลักดันให้ตนทำสิ่งถูกต้อง เขาลงท้ายด้วยคำว่า “ห่วยบรม!”
พวกที่ปรึกษาด้านจริยธรรมทั้งที่ทำงานให้กับคณะบริหารของรีพับลิกันและเดโมแครตต่างออกมาวิจารณ์ว่า ทวิตของทรัมป์ทั้งแหวกธรรมเนียมปฏิบัติและสร้างปัญหา
ริชาร์ด เพนเตอร์ หัวหน้าทีมกฎหมายด้านจริยธรรมของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชจากพรรครีพับลิกัน ชี้ว่า เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เนื่องจากข้อความของทรัมป์บ่งชี้ชัดเจนว่า นอร์ดสตรอมเป็นกิจการซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับคณะบริหารสหรัฐฯ
นอร์แมน ไอเซน ที่ปรึกษาด้านจริยธรรมของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาจากเดโมแครต ตั้งข้อสังเกตว่า หลายมลรัฐ รวมถึงแคลิฟอร์เนียที่นอร์ดสตรอมมีสาขาอยู่หลายแห่ง มีกฎหมายต่อต้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ห้างนี้สามารถยื่นฟ้องได้ หากแบรนด์ได้รับความเสียหายจากทวิตของทรัมป์
ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 20 ของสหรัฐฯ โดยปฏิเสธไม่ยอมวางแผนรับมือกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนให้ชัดเจน ด้วยการขายธุรกิจต่างๆ ซึ่งเขาถือครองอยู่ หรือนำธุรกิจเหล่านั้นเข้ากองทุน “บลายด์ทรัสต์” ซึ่งเขาจะไม่สามารถทราบได้ว่าดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง แต่กลับเลือกวิธีโอนอำนาจการควบคุมให้บุตรชายคนโตสองคนแทน นอกจากนี้เขายังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดการยื่นเสียภาษีและการขอคืนภาษี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ทรัมป์ครอบครองอยู่
ผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมชี้ว่า การยกธุรกิจให้บุตรชายบริหาร หมายความว่า เขายังคงทราบว่า ตัวเองมีทรัพย์สินอะไรบ้าง และครอบครัวทรัมป์ก็ยังได้กำไรจากธุรกิจเหล่านั้นอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดคำถามได้เสมอว่าเขาเลือกดำเนินนโยบายนี้และไม่ใช้นโยบายนั้น ก็เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจเหล่านี้หรือไม่ ดังนั้นจึงแทบไม่ได้ช่วยป้องกันแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนเลย
ในส่วนอิวองกา ทรัมป์นั้น มีธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่อแบรนด์ และลาออกจากทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน บริษัทแกนหลักของบิดา หลังจากผู้เป็นบิดาขนของเข้าทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 20 มกราคม
การกระทำและการแสดงความคิดเห็นแบบชวนทะเลาะของทรัมป์กระตุ้นให้คนมากมายลุกขึ้นมาบอยคอตต์ธุรกิจของตระกูลทรัมป์ ซึ่งแน่นอนว่า รวมถึงแบรนด์อิวองกาด้วย
นอร์ดสตรอมออกมาอธิบายเรื่องนี้อีกครั้งว่า แจ้งการตัดสินใจให้อิวองกาทราบตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมแล้ว นอกจากนั้นยังแจกแจงว่า ตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 6 เดือนหลัง ยอดขายแบรนด์อิวองกาดิ่งฮวบถึงจุดที่ไม่มีเหตุผลทางธุรกิจที่ห้างจะวางจำหน่ายแบรนด์นี้ต่อในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของอิวองกายังวางจำหน่ายในอีกหลายห้างชั้นสูง อาทิ เมซีส์, ทีเจเอ็กซ์ เป็นต้น ส่วนห้างที่ถอดสินค้าของลูกสาวประธานาธิบดี นอกจากนอร์ดสตรอมแล้ว ยังมี ไนแมน มาร์คัส และเอชเอสเอ็น
การตัดสินใจของบางห้างในการยกเลิกการจำหน่ายสินค้าของอิวองกามีขึ้นขณะที่แคมเปญ #GrabYourWallet ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่อง โดยแคมเปญนี้เรียกร้องให้ผู้บริโภคบอยคอตต์ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ตระกูลทรัมป์ รวมถึงผู้บริจาคเงินให้ทรัมป์ และมีผู้ติดแฮชแท็กนี้พุ่งพรวดเมื่อวันพุธ(8)
โรเบิร์ต เวสส์แมน ประธานพับลิก ซิติเซน กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภค วิจารณ์ว่า พฤติกรรมปกป้องลูกสาวของทรัมป์ขัดแย้งกับคำพูดของเขาว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของครอบครัวแล้ว
ด้าน ส.ส.แนนซี เปโลซี แกนนำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร วิจารณ์ว่า การทวิตโจมตีนอร์ดสตรอมเป็นเรื่องไม่เหมาะสม “แต่ตัวเขาเองก็เป็นประธานาธิบดีที่ไม่มีความเหมาะสมเลยสักนิดอยู่แล้ว”
ขณะที่ บ็อบ เคซีย์ วุฒิสมาชิกเดโมแครต ทวิตว่า ควรแจ้งเรื่องนี้ให้สำนักงานจริยธรรมของรัฐบาลดำเนินการต่อ
เรื่องนี้ทำให้สมาชิกรีพับลิกันหลายคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาทิ วุฒิสมาชิกรอน จอห์นสัน ที่บอกปัดว่า ขอเวลาหาคำตอบก่อนหลังถูกนักข่าวถามว่า สมควรหรือไม่ที่ประธานาธิบดีจะวิจารณ์บริษัทมหาชนเรื่องการทำธุรกิจกับบุตรสาวของตน
กระนั้น ระหว่างการแถลงข่าวปกติเมื่อวันพุธ (8) ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาว ยังถือโอกาสกล่าวหาว่า นอร์ดสตรอมมุ่งโจมตีอิวองกาเพราะไม่พอใจนโยบายของทรัมป์ จึงถือเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้ และประธานาธิบดีมีสิทธิ์เต็มที่ในการยืนหยัดเคียงข้างบุตรสาว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคาร (7) ที่ผ่านมา เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เพิ่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย 150 ล้านดอลลาร์จากหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ของอังกฤษ ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงจากกรณีรายงานข่าวเท็จว่า เธอเคยเป็นโสเภณีชั้นสูง โดยเหตุผลสำคัญที่เธอยกขึ้นมาอ้างในการเรียกค่าเสียหายขนาดนี้ก็คือ การลงข่าวเท็จเช่นนี้ ทำให้เธอและแบรนด์ของเธอต้องพลาดโอกาสในการทำรายได้จำนวนมาก ในรูปของค่าธรรมเนียมไลเซนส์, ค่าการตลาด, และโอกาสในการได้รับว่าจ้างให้เป็นผู้แนะนำสินค้า จากการที่เธอเป็นภรรยาประธานาธิบดีอเมริกัน
ขณะเดียวกัน ยังมีแนวโน้มที่ทรัมป์จะเผชิญปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนปัญหาใหม่ผุดขึ้นมาอีก หลังจากเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเปิดเผยเมื่อวันพุธ (8) ว่า กำลังเล็งเช่าพื้นที่ในทรัมป์ ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารหรูในแมนฮัตตันของทรัมป์ สำหรับเก็บอุปกรณ์และเป็นที่พักของพวกเจ้าหน้าที่ติดตาม เมื่อประธานาธิบดีเดินทางไปพำนักที่อาคารดังกล่าว