เอเจนซีส์ - บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก โฮลดิง อิงก์ แถลงเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ถึงการค้นพบครั้งล่าสุดว่า มีการค้นพบระดับรังสีนิวเคลียร์บริเวณหม้อความดันสูงสำหรับบรรจุแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (Containment Vessel) ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ #2 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะที่ #1 อยู่ในขั้นสูงสุดที่ 530 ซีเวิร์ต/ชม. เป็นอันตรายต่อชีวิต นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะปี 2011 และเทปโกยังค้นพบหลุมยักษ์ขนาดใหญ่ร่วม 2 เมตรซ่อนอยู่ด้านใต้ตะแกรงใต้อ่างปฏิกรณ์ (reactor vessel) โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ #1
สำนักข่าวเกียวโด สื่อญี่ปุ่น รายงานวันนี้ (3 ก.พ.) ว่าข่าวการค้นพบที่น่าตกตะลึงถึงระดับรังสีนิวเคลียร์ที่ประกาศโดยบริษัทเทปโกในวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) หมายความว่ามนุษย์ที่ได้รับการสัมผัสระดับรังสีในระดับนั้นอาจถึงแก่ความตายได้แม้ว่าจะได้รับในเวลาอันสั้น และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อรัฐบาลโตเกียวและทางบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก โฮลดิง อิงก์ ในการเข้ารื้อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียรทั้ง 3 ที่เกิดวิกฤตแท่งนิวเคลียร์หลอมเหลวในเดือนมีนาคม 2011 ซึ่งเป็นวันเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะแห่งนี้
นอกจากการพบระดับรังสีแล้ว ในแถลงการณ์ของเทปโกยังกล่าวถึงการค้นพบหลุมขนาดยักษ์ร่วม 2 เมตรที่ซ่อนอยู่ใต้ตะแกรงโลหะบริเวณด้านใต้ใต้หม้อแรงดัน( pressure vessel) ภายในอ่างปฏิกรณ์ (reactor vessel) ของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ #2 ของโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ#1 และในการแถลงยังระบุว่า มีการพบว่าบางส่วนของสิ่งนี้ถูกทำให้บิดเบี้ยว
สำนักข่าวเกียวโดชี้ว่า หลุมขนาด 2 เมตรที่ทางเทปโกค้นพบจากการสำรวจโดยส่งกล้องควบคุมระยะไกลเข้าไปสำรวจ อาจเกิดขึ้นมาจากผลของแท่งเชื้อเพลงที่หลอมเหลวเป็นเหตุทำให้ทำลายฐานของอ่างปฏิกรณ์ทะลุลงไป หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงในปี 2011 ที่ตามมาด้วยสึนามิขึ้นแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นั้นได้ส่งผลทำให้ระบบหล่อเย็นของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไม่ทำงาน
และสำหรับระดับค่ารังสีนิวเคลียร์ที่ถูกค้นพบล่าสุดที่ 530 ซีเวิร์ต/ชม. ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับออกปากว่า “เป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน” เพราะเป็นระดับที่เกินกว่าระดับ 73 ซีเวิร์ต/ชม. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่สามารถตรวจจับได้ภายในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สถาบันแห่งชาติญี่ปุ่นด้านรังสีวิทยา (National Institute of Radiological Sciences) ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดว่า ทางเจ้าหน้าที่การแพทย์ญี่ปุ่นไม่เคยตระหนักมาก่อนว่า ต้องรับมือกับระดับความเข้มข้นรังสีที่สูงในระดับนี้ในสถานการณ์การทำงานของพวกเขา
ผู้เชี่ยวชาญระบุต่อว่า รังสีระดับ 1,000 มิลลิซีเวิร์ต ซึ่งเท่ากับ 1 ซีเวิร์ตส่งผลทำให้ไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ผมร่วง และสายตาฝ้าฟาง ในขณะที่หากมีการสัมผัสรังสีความเข้มข้นเกิน 100 มิลลิซีเวิร์ต อาจส่งผลทำให้บุคคลนั้นล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง
โดยการค้นพบล่าสุดที่น่าตกใจนี้เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายซากปรักหักพังของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะออกจากพื้นที่ ที่ทางโตเกียวและเทปโกต่างตั้งความหวังในความสามารถการชี้พิกัดแท่งพลังงาน และเริ่มการเคลื่อนย้ายออกจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ #1 ไปได้ภายในปี 2021
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) เทปโกประกาศว่า การค้นพบระดับรังสีเข้มข้นสูงถูกพบใกล้บริเวณปากทางของที่ว่างไม่ห่างจากด้านใต้หม้อแรงดัน (pressure vessel) ซึ่งมีแท่งปฏิกรณ์อยู่ภายใน
และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ได้มีการวางแผนที่จะส่งหุ่นยนต์ที่เป็นระบบการบังคับในระยะไกลเพื่อส่งเข้าไปตรวจสอบสภาพที่อยู่ด้านในบริเวณหม้อความดันสูง สำหรับบรรจุแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (Containment Vessel) แต่ดูเหมือนหน่วยงานที่วางแผนนี้จะเปลี่ยนความคิด จากหนึ่งในเหตุผลคือ ความจำเป็นที่ต้องพิจารณาใหม่อีกครั้งถึงเส้นทางที่หุ่นยนต์จะถูกส่งเข้าไปสำรวจด้านใน เนื่องจากการพบหลุมยักษ์บริเวณด้านใต้ตะแกรงเป็นสาเหตุสำคัญ
นอกจากนี้ สื่อญี่ปุ่นยังชี้ต่อว่า ปัจจัยระดับรังสีที่อยู่ในขีดสูงสุดยังเป็นอุปสรรคสำคัญ ซึ่งส่งผลทำให้หุ่นยนต์ที่ว่านี้จะสามารถปฏิบัติการได้ภายในระยะเวลาน้อยกว่า 2 ชม.ก่อนที่จะถูกทำลาย เนื่องมาจากหุ่นยนต์ตัวนี้ได้รับการออกแบบให้ทำงานภายใต้ระดับรังสีนิวเคลียร์สูงสุดที่ 1,000 ซีเวิร์ต และจากการคำนวณตามโมเดล ระดับรังสี 73 ซีเวิร์ต/ชม.นั้น หุ่นยนต์ตัวนี้สามารถปฏิบัติการได้นานกว่า 10 ชม. แต่ทว่าภายใต้ระดับรังสีที่ 530 ซีเวิร์ต/ชม. ทำให้เชื่อว่าหุ่นยนต์ตัวนี้จะทำงานได้ไม่ถึง 2 ชม.
ทั้งนี้ เกียวโดระบุว่า ทางเทปโกได้เริ่มสำรวจภายในบริเวณหม้อความดันสูง สำหรับบรรจุแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ #2 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และในวันจันทร์ (30 ม.ค.) ล่าสุด ทางบริษัทฯ ค้นพบเศษก้อนพลังงานซึ่งเป็นแท่งมวลดำจำนวนมากบริเวณตะแกรงด้านใต้หม้อแรงดัน ซึ่งเป็นการพบจากการสำรวจที่ทางเทปโกส่งกล้องซึ่งติดกับแขนกลเข้าไปภายใน โดยในภาพที่ค้นพบนั้นชี้ว่าบางส่วนของตะแกรงโลหะได้หลุดหาย และการค้นพบต่อมาแสดงให้เห็นถึงหลุมยักษ์ขนาดใหญ่อยู่ด้านใต้ชิ้นส่วนที่หลุดหายไปนั้น
สำนักข่าวเกียวโดชี้ว่า หากได้รับการยืนยันว่าก้อนมวลดำเป็นแท่งพลังงานที่หลอมเหลวจริง สิ่งนี้จะเป็นครั้งแรกของโลกที่ญี่ปุ่นสามารถค้นพบชิ้นส่วนของเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์จากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมด 3 แห่งที่หลอมเหลวในช่วงวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิปี 2011
สื่อญี่ปุ่นยังชี้ว่า ทั้งนี้สภาพของแท่งพลังงานนิวเคลียร์ที่ถูกหลอมเหลวยังไม่เป็นที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ เนื่องจากสภาวะระดับรังสีนิวเคลียร์อยู่ในระดับที่สูงมากจนเกินไปที่มนุษย์จะสามารถเข้าตรวจสอบได้
