เอเอฟพี - การที่สหรัฐฯ เสียเปรียบดุลการค้าจีนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ชาวอเมริกันต้องสูญเสียงานไปมากถึง 3.4 ล้านตำแหน่งระหว่างปี 2001-2015 รายงานด้านเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (31 ม.ค.) ระบุ
สถาบันนโยบายทางเศรษฐกิจ (Economic Policy Institute - EPI) ซึ่งมีฐานที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า การที่ชาวอเมริกันพึ่งพาสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น และพฤติกรรมการค้าที่ไม่เป็นธรรมของปักกิ่ง คือต้นเหตุความอ่อนแอของภาคการผลิตในสหรัฐฯ และคิดเป็นเกือบ 3 ใน 4 ของตำแหน่งงานทั้งหมดที่ต้องสูญเสียไป
อีพีไอซึ่งเป็นสถาบันคลังความคิดที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดยังวิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามเข้ามาปรับเปลี่ยนนโยบายการค้าที่มีอยู่เดิม โดยอ้างว่าเป็นสาเหตุทำให้คนอเมริกันเสียตำแหน่งงานให้แก่จีนและเม็กซิโก
ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอาวุโสของทรัมป์ กล่าวหาปักกิ่งว่าใช้นโยบายการค้าที่จงใจทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยตรง
ลีโอ เจอราร์ด ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเหล็ก (United Steelworkers union) เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสายรีพับลิกันที่ต่อต้านการค้าเสรี ประสบความสำเร็จในการมัดใจฐานเสียงเดโมแครตในเขตอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ
“เหตุผลสำคัญก็คือ พวกเขาเข้าใจความกังวลทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการค้ารูปแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก จีน เกาหลีใต้ หรือประเทศอื่นๆ ที่ส่งผลให้อาชีพการงานของคนอเมริกันไม่มั่นคง และค่าจ้างก็ถูกลงทุกที”
“และตัวการสำคัญที่สุดก็คือ จีน”
รายงานของอีพีไอ ระบุว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวในช่วงปี 2001-2015 โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 483,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ข้อมูลกระทรวงแรงงานระบุว่า แม้ภาคการผลิตในสหรัฐฯ หดเล็กลงกว่าตอนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค.ปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตการเงินโลก แต่ก็สามารถเพิ่มงานใหม่ได้ถึง 800,000 ตำแหน่งตั้งแต่เดือน ก.พ.ปี 2010 เป็นต้นมา
ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการเคลื่อนย้ายตำแหน่งงานไปยังประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า โดยมีการสูญเสียงานถึง 1.2 ล้านตำแหน่งในระยะเวลา 15 ปี ตามรายงานของอีพีไอ
“งานที่เสียไปส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าคงทน และสินค้าไฮเทคที่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนสูง ซึ่งจะมีตำแหน่งงานที่ดีและให้ผลกำไรยอดเยี่ยม เช่น เหล็กกล้า และเครื่องจักรกล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” โรเบิร์ต สกอตต์ ผู้เรียบเรียงรายงาน ระบุ
อย่างไรก็ดี มาร์คัส โนแลนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายศึกษาของสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Peterson Institute for International Economics) ไม่เห็นด้วยที่อีพีไอพยายามเชื่อมโยงภาวะขาดดุลการค้าเข้ากับการสูญเสียตำแหน่งงานโดยตรง ซึ่งเขามองว่าเป็นฐานคิดที่ “ผิดพลาด”
โนแลนด์ ระบุว่า เวลานี้สหรัฐฯ มีการจ้างงานอย่างเต็มที่ (full employment) หรือไม่ก็เกือบจะเต็ม แม้จะเสียเปรียบดุลการค้าจีนเกือบ 500,000 ล้านดอลลาร์ก็ตาม
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ย้ายฐานการผลิตไปต่างแดนทำให้ตำแหน่งงานฝ่ายผลิตในสหรัฐฯ ลดลงก็จริง แต่ก็ช่วยส่งเสริมการจ้างงานในส่วนของการดีไซน์, ซอฟต์แวร์, การโฆษณา และอื่นๆ
โนแลนด์ สรุปว่า การค้าโดยพื้นฐานนั้น “ไม่ได้ทำลายหรือว่าสร้างงาน... แต่จะส่งผลต่อองค์ประกอบของการจ้างงานและการกระจายอาชีพมากกว่า”