xs
xsm
sm
md
lg

ปลดฟ้าผ่ารักษาการรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ “ทรัมป์”ฉุนแข็งข้อ-จวกเป็นคนทรยศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รักษาการรัฐมนตรียุติธรรม แซลลี่ เยตส์ โดนปลดจากตำแหน่งและถูกกล่าวหาว่าเป็น “คนทรยศ” ต่อกระทรวงฯ หลังจากเธอปฏิเสธที่จะบังคับใช้คำสั่งแบนพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ตามคำสั่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดรักษาการรัฐมนตรียุติธรรม แซลลี่ เยตส์ พร้อมกล่าวหาแรงเป็น “คนทรยศ” ต่อกระทรวงฯ หลังเยตส์ปฏิเสธบังคับใช้คำสั่งแบนพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิม ซึ่งถือเป็นกรณีล่าสุดของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งข้อต่อคำสั่งดังกล่าว

ในฐานะรัฐมนตรียุติธรรม เยตส์มีหน้าที่ควบคุมสำนักงานคดีการเข้าเมืองของกระทรวงฯ ที่ดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องเรียนต่อคำสั่งฝ่ายบริหารในการแบนการเดินทางของพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (27 ม.ค.)

ในจดหมายของเยตส์ที่ส่งถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงฯ เมื่อวันจันทร์ (30 ม.ค.) ระบุเธอไม่เชื่อว่า คำสั่งดังกล่าวถูกกฎหมาย จึงไม่เห็นด้วยที่จะทำการปกป้องคำสั่งนั้น

การกระทำดังกล่าวได้รับการยกย่องจากนักเคลื่อนไหวด้านการเข้าเมืองและสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมาก ทว่าไม่กี่ชั่วโมงต่อมา สำนักงานโฆษกทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ปลดเยตส์ โดยระบุว่า เยตส์อ่อนด้อยทั้งด้านพรมแดนและการลักลอบเข้าเมือง รวมทั้งปกป้องมาตรการแบนการเดินทางว่า เป็นสิ่งสมควรและจำเป็นเพื่อปกป้องประเทศ

แถลงการณ์ยังระบุว่า ทรัมป์แต่งตั้ง ดานา โบเอนเต อัยการเขตตะวันออกของรัฐเวอร์จิเนียรักษาการณ์ตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมแทนเยตส์ จนกว่าผู้ได้รับเสนอชื่ออย่างเป็นทางการคือ วุฒิสมาชิก เจฟฟ์ เซสชันส์ ที่มีจุดยืนแข็งกร้าวต่อต้านผู้อพยพ จะได้รับการรับรองจากวุฒิสภา ซึ่งคาดว่าจะมีการลงมติในวันอังคาร (31 ม.ค.)

การโต้ตอบของทรัมป์ได้รับการสนับสนุนทันทีจากเหล่าผู้สนับสนุน อาทิ นิวต์ กิงกริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งวุฒิสมาชิก เท็ด ครูซ ที่เคยเป็นคู่แข่งกับทรัมป์สมัยลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประมุขทำเนียบขาว โดยครูซบอกว่า ทรัมป์ทำถูกแล้วที่ปลดเยตส์ เนื่องจากเยตส์ปฏิเสธที่จะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการบังคับใช้และปกป้องกฎหมาย และยังเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้องมากกว่าที่จะจงรักภักดีต่อกฎหมาย

ในทางกลับกัน กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนเข้าเมืองและสิทธิพลเรือน ตลอดจนถึงสมาชิกเดโมแครต ได้ออกมาประณามการปลดเยตส์ อาทิ แซค เพตกานาส ที่ปรึกษาอาวุโสของคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครตว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการปิดปากผู้ที่กล้าลุกขึ้นมาคัดค้านมาตรการต่อต้านมุสลิมที่ทั้งผิดกฎหมายและยังเป็นการส่งเสริมผู้ก่อการร้ายทั่วโลกทางอ้อม

ลอว์เรนซ์ ทริบ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชี้ว่า เหตุการณ์นี้คล้ายกับ “การสังหารหมู่คืนวันเสาร์” ในปี 1973 ที่อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ทำการปลด อาร์คีบัลด์ ค็อกซ์ อัยการพิเศษในคดีวอเตอร์เกต ทำให้เอลเลียต ริชาร์ดสัน ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ทริบเสริมอีกว่า คำสั่งของทรัมป์ท้าทายอเมริกันชนและละเมิดส่วนสำคัญของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เยตส์ วัย 56 ปี ที่ไต่เต้าจากตำแหน่งอัยการในกระทรวงยุติธรรม ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา และได้รับการยกย่องจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว โดยทีมงานของทรัมป์ขอให้เธออยู่ต่อเพื่อรักษาการณ์ตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ

แพทริก เลฮี สมาชิกพรรคเดโมแครตและสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านกฎหมายของวุฒิสภา กล่าวว่า ศาลหลายแห่งของรัฐบาลระบุว่า คำสั่งแบนคนเข้าเมืองของทรัมป์มีแนวโน้มสูงที่จะละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม เยตส์สรุปว่า ไม่สามารถให้การปกป้องทางกฎหมายแก่คำสั่งดังกล่าวได้ และเธอถูกปลดจากการให้คำปฏิญาณต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ต่อทรัมป์

เลฮีสำทับว่า การกระทำนี้เท่ากับว่า ทรัมป์กำลังประกาศให้คณะรัฐมนตรีรับรู้ว่า ใครก็ตามที่สาบานตนว่าจะปกป้องรัฐธรรมนูญ คนผู้นั้นเสี่ยงที่จะหลุดจากเก้าอี้ พร้อมเรียกร้องให้วุฒิสภาคัดค้านการเสนอชื่อเซสชันส์ เนื่องจากไม่มีแนวโน้มว่า วุฒิสมาชิกผู้นี้จะให้ความสำคัญต่อรัฐธรรมนูญมากกว่าตัวประธานาธิบดี

ก่อนปลดเยตส์ ทรัมป์ตอบโต้ทางทวิตเตอร์โดยตราหน้าเยตส์ว่าเป็น “รัฐมนตรียุติธรรมของโอบามา” พร้อมระบุว่า เดโมแครตเตะถ่วงการเสนอชื่อคณะรัฐมนตรีของตน เพื่อเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ

การตัดสินใจของเยตส์เป็นกรณีล่าสุดที่ฟ้องการออกมาต่อต้านของหน่วยงานรัฐบาลต่อคำสั่งของทรัมป์ โดยในวันจันทร์เช่นเดียวกัน นักการทูตอเมริกันหลายร้อยคนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจคัดค้านมาตรการแบนการเดินทางของประมุขทำเนียบขาว

คำสั่งดังกล่าวระบุห้ามผู้ลี้ภัยจากซีเรียเดินทางเข้าอเมริกาไม่มีกำหนด และงดรับผู้อพยพและนักเดินทางจาก 7 ประเทศมุสลิมเป็นการชั่วคราว

การตัดสินใจของเยตส์ยังมีขึ้นขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตให้ผู้ลี้ภัย 872 คนเดินทางเข้าประเทศในสัปดาห์นี้ แม้คำสั่งแบนเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่ำวันศุกร์ที่แล้วก็ตาม


กำลังโหลดความคิดเห็น