รอยเตอร์ - สำนักงานด้านผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติและองค์การเพื่อผู้อพยพระหว่างประเทศ (IOM) เรียกร้องรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันนี้ (28) ให้จัดสรรที่ลี้ภัยแก่ผู้ที่หลบหนีสงครามและการข่มเหงต่อไป และระบุว่า โครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ของสหรัฐฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อวานนี้ (27) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สั่งระงับการอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยเข้าสู่สหรัฐฯเป็นเวลา 4 เดือน และห้ามนักเดินทางจากซีเรีย และชาติมุสลิม 6 ประเทศชั่วคราว โดยระบุว่าความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยปกป้องชาวอเมริกันจากการโจมตีก่อการร้าย
“ความต้องการของผู้ลี้ภัยและผู้อพยพทั่วโลก ไม่ได้มากขึ้น และโครงการตั้งถิ่นฐานใหม่ของสหรัฐฯเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในโลก” หน่วยงานทั้งสองที่มีฐานในเจนีวา ระบุในถ้อยแถลงร่วม
ทรัมป์สั่งห้ามไม่ไห้รับนักเดินทางจากซีเรีย และอีก 6 ประเทศ คือ อิรัก อิหร่าน ซูดาน ลิเบีย โซมาเลีย และ เยเมน เป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน โดยระบุว่า รัฐบาลเขาต้องการเวลาเพื่อพัฒนากระบวนการคัดกรองผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ และ นักท่องเที่ยว ให้เข้มงวดมากขึ้น
IOM และ UNHCR ระบุว่า พวกเขายังมีหน้าที่ต้องทำงานกับรัฐบาลสหรัฐฯต่อไป เพื่อเป้าหมายร่วมกันในการ “ทำให้โครงการตั้งถิ่นฐานใหม่และโครงการอพยพมีความปลอดภัยและมั่นคง”
“เราเชื่ออย่างหนักแน่น ว่า ผู้ลี้ภัยควรได้รับการปฏิบัติด้านความปลอดภัย และความช่วยเหลือ รวมถึงโอกาสในการตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างเท่าเทียม โดยไม่คำนึงถึงศาสนา สัญชาติ หรือเชื้อชาติของพวกเขา” พวกเขาระบุ
สถานที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ทุกประเทศจัดสรรให้กับผู้ลี้ภัยกลุ่มเสี่ยง ซึ่งบางคนต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์เป็นพิเศษอย่างที่หาไม่ได้ในประเทศลี้ภัยแห่งแรกของพวกเขามีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งสองหน่วยงานระบุ กว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโครงการนี้ซึ่งเริ่มต้นด้วยการคัดเลือกโดย UNHCR
ทั้งสองหน่วยงานหวังว่า “สหรัฐฯจะยังคงบทบาทผู้นำที่เข้มแข็งและรักษาธรรมเนียมยาวนานของการปกป้องผู้ที่กำลังหลบหนีสงครามและการข่มเหง”
ผู้ลี้ภัยราว 25,000 คน ได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่ในสหรัฐฯระหว่างเดือนตุลาคม ถึงสิ้นปีภายใต้โครงการของ UNHCR เพื่อผู้ลี้ภัยกลุ่มเสี่ยงที่สุด หน่วยงานนี้ระบุเมื่อวานนี้ (27)