เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารงดรับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศ และระงับการออกวีซาให้แก่พลเมือง 7 ชาติมุสลิมแล้วเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่เรียกเสียงประณามจากนักสิทธิมนุษยชน
ทรัมป์ ยืนยันว่า เขากำลังจะปกป้องสหรัฐอเมริกาให้ปลอดภัยจาก “ผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง”
“นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก” ทรัมป์ แถลงที่อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หลังจากตวัดปากกาลงนามในคำสั่ง “การป้องกันประเทศจากผู้ก่อการร้ายต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา”
คำสั่งบริหารของ ทรัมป์ จะส่งผลให้โครงการรับผู้ลี้ภัยเข้ามาตั้งถิ่นฐานถูกระงับไว้อย่างน้อย 120 วัน โดยระหว่างนี้ สหรัฐฯ จะต้องคิดหามาตรการคัดกรองผู้ลี้ภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อประกาศใช้ในอนาคต
ทรัมป์ ชี้ว่า กฎเกณฑ์ใหม่เหล่านี้ “จะช่วยยืนยันได้ว่าผู้ลี้ภัยที่ถูกรับเข้าประเทศจะไม่คุกคามความมั่นคง และสวัสดิภาพของสหรัฐฯ”
คำสั่งนี้ยังเจาะจงห้าม “ผู้ลี้ภัยซีเรีย” เดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างไม่มีกำหนด หรือจนกว่าประธานาธิบดีจะเห็นว่าพวกเขาไม่เป็นภัยคุกคาม
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ จะงดออกวีซาให้แก่พลเมือง หรือผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิม เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และ เยเมน
ระหว่างที่โครงการรับผู้ลี้ภัยและการออกวีซาถูกระงับ สหรัฐฯ จะพิจารณาออกกฎใหม่ที่ ทรัมป์ เรียกว่า “ระบบคัดกรองอย่างเข้มข้น” (extreme vetting) เพื่อตรวจเช็กประวัติของผู้ยื่นคำร้องอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของ ทรัมป์ มีข้อยกเว้นสำหรับ “ผู้นับถือศาสนากลุ่มน้อย” ซึ่งหมายความว่า อาจจะมีการผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษให้แก่ชาวคริสต์ใน 7 ประเทศที่ถูกแบนวีซา
องค์กรเสรีภาพพลเรือนและผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านก่อการร้ายต่างประณามคำสั่งของ ทรัมป์ ว่า “ไร้มนุษยธรรม” ที่ปล่อยให้เหยื่อสงครามต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกกดขี่โดยพวกนักรบหัวรุนแรง
“ระบบคัดกรองอย่างเข้มข้น... มันก็แค่แค่ถ้อยคำสวยหรูที่ใช้เป็นข้ออ้างกีดกันชาวมุสลิม” แอนโธนี โรเมโร ผู้อำนวยการสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) ระบุ พร้อมชี้ว่า การเลือกปฏิบัติต่อ 7 ชาติที่มีพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญอเมริกันที่ห้ามการกีดกันทางศาสนา
มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวชาวปากีสถาน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งเคยถูกกลุ่มติดอาวุธตอลิบานยิงศีรษะจนบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี 2012 ยอมรับว่า รู้สึก “ใจสลาย” กับนโยบายของ ทรัมป์
เธอเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ “อย่าทอดทิ้งเด็กๆ และครอบครัวที่ไร้ผู้ปกป้องคุ้มครองมากที่สุดในโลก”
อย่างไรก็ดี มาตรการล่าสุดคงจะเป็นที่พึงพอใจของชาวอเมริกันชาตินิยมที่เชียร์ ทรัมป์ และไม่เลวร้ายถึงขั้นห้ามชาวมุสลิมทุกคนเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างที่เขาเคยโฆษณาหาเสียงเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว
กลุ่มคนรัก ทรัมป์ อ้างว่า รัฐบาลจำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้นักรบอัลกออิดะห์ และ รัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างความเป็นผู้ลี้ภัยแฝงตัวเข้ามายังอเมริกา
คำสั่งของ ทรัมป์ จะทำให้จำนวนผู้ลี้ภัยที่สหรัฐฯ ตั้งเป้าจะรับเข้าประเทศในปีงบประมาณนี้ ลดลงจาก 110,000 คน เหลือเพียง 50,000 คน
ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่ง “ยกเครื่อง” กองทัพสหรัฐฯ และร่วมเป็นสักขีพยาน ขณะที่ เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ เข้าพิธีสาบานตนต่อหน้ารองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวชื่นชม แมตทิส ต่างๆ นานา และเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจะให้สิทธิ์แก่เขาในการคัดค้านแผนรื้อฟื้นวิธี “ทรมาน” ผู้ต้องหา