ซีเอ็นเอ็น - เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันศุกร์ (27 ม.ค.) เป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เดินทางเยือนทำเนียบขาว นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมเผยประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ ตอบรับคำเชิญเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวในทำเนียบขาว แสดงความยินดีกับ ทรัมป์ ต่อชัยชนะอันน่าตกละลึงในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ในขณะที่เธอหวังกระชับความสัมพันธ์กับ ทรัมป์ ให้แน่นแฟ้นขึ้น พร้อมเผยว่า เธอได้รับคำรับประกันจากทรัมป์ ว่า สหรัฐฯจะให้การสนับสนุนนาโตต่อไป และมีความคืบหน้าในเบื้องต้นด้านการหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ อังกฤษ
ด้าน ทรัมป์ บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ เมย์ ตอบตกลงเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เดินทางมาเยือนหลังจากเขาสาบานตนรับตำแหน่ง พร้อมคาดหวังว่า ทั้งสองจะสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งต่อไป “ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นพลังแห่งสันติภาพ” เขากล่าว
เมย์ เผยด้วยว่า ทรัมป์ ตอบรับพระราชสาส์นเชิญจาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และจะเดินทางเยือนอังกฤษในปีนี้
มีไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับคำเชิญเยือนอังกฤษในระดับรัฐพิธี (state visit)
ผู้นำอังกฤษ กล่าวต่อว่า เธอมีความตั้งใจแสดงออกอย่างเปิดเผยในความเห็นต่างกับรัฐบาลสหรัฐฯ “แน่นอนว่า จะมีช่วงเวลาที่เราเห็นต่างกัน จุดสำคัญในความสัมพันธ์พิเศษคือเราต้องพูดคุยกันอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา”
ทั้งนี้ ความไม่ลงรอยบางอย่างได้ปรากฏให้เห็นแล้วระหว่างการแถลงข่าว โดย เมย์ ส่งเสียงสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ตอบโต้กรณีมอสโกผนวกไครเมียของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน แต่ ทรัมป์ บอกว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงมาตรการคว่ำบาตร พร้อมย้ำจุดยืนของเขาที่หวังมีความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย เช่นเดียวกับอังกฤษ
ในด้านข้อตกลงการค้า ซึ่งทรัมป์เคยประกาศว่า จะแสวงหาข้อตกลงเป็นรายประเทศไป หลังจากถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ทรัมป์ และ เมย์ ต่างแสดงความหวังว่าจะเริ่มต้นทำงานสู่ข้อตกลงการค้าทวิภาคี อย่างไรก็ตาม การเจรจาอย่างเป็นทางการไม่สามารถเริ่มต้นได้ จนกว่าอังกฤษจะเสร็จสิ้นกระบวนการถอนตัวจากอียู