รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ระบุเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) ว่าเขาจะสร้างเขตปลอดภัยในซีเรียสำหรับผู้ลี้ภัยที่หลบหนีความรุนแรงในประเทศนี้อย่างแน่นอน
ทรัมป์ซึ่งเคยระบุว่า ยุโรปทำสิ่งผิดพลาดใหญ่หลวงด้วยการยอมรับผู้ลี้ภัยหลายล้านคนจากซีเรียและพื้นที่ปัญหาอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ให้สัมภาษณ์กับเอบีซีนิวส์ว่า “ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นที่นี่”
“ผมจะสร้างเขตปลอดภัยสำหรับประชาชนอย่างแน่นอน” เขากล่าวเสริม โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
อ้างจากเอกสารที่รอยเตอร์เห็นเมื่อวานนี้ (25) ทรัมป์คาดว่าจะสั่งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศร่างแผนสำหรับการจัดตั้งเขตปลอดภัยในเร็วๆ นี้ ความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้กองทัพสหรัฐฯมีร่วมในสงครามกลางเมืองของซีเรียมากขึ้น
ร่างคำสั่งบริหารที่รอลายเซ็นของทรัมป์นี้เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลชุดใหม่กำลังเตรียมดำเนินการสิ่งที่ บารัค โอบามา ผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อนหน้าทรัมป์ต่อต้านมาโดยตลอด ด้วยกลัวว่าจะถลำลึกเข้าสู่ความขัดแย้งนองเลือดมากกว่านี้และกลัวความเสี่ยงปะทะกันระหว่างเครื่องบินขับไล่สหรัฐฯ และรัสเซียเหนือซีเรีย
“รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้รับคำสั่งให้กำหนดแผนการสร้างเขตปลอดภัยในซีเรียและภูมิภาคโดยรอบภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันออกคำสั่งเพื่อให้ชาวซีเรียที่พลัดถิ่นจากบ้านเกิดของตนสามารถรอการตั้งถิ่นฐานอย่างมั่นคงได้ เช่น การสั่งกลับประเทศ หรือการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม” ร่างคำสั่งระบุ
การสร้างเขตปลอดภัยอาจทำให้กองทัพสหรัฐฯ มีบทบาทในซีเรียมากขึ้นและเป็นการเบี่ยงเบนออกจากแนวทางที่มีความระมัดระวังกว่าของโอบามาอย่างมาก กำลังทางอากาศที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ หรือพันธมิตรจะกลายเป็นสิ่งจำเป็นหากทรัมป์เลือกที่จะบังคับใช้ “กฎห้ามบิน” และกองกำลังภาคพื้นดินอาจมีความจำเป็นด้วยเพื่อปกป้องในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เอกสารนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าใครจะสร้างเขตปลอดภัย มันจะถูกสร้างขึ้นที่ไหน และใครจะปกป้องมัน จอร์แดน ตุรกีและประเทศข้างเคียงอื่นๆ ก็มีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายล้านคนอยู่แล้ว รัฐบาลตุรกีกดดันโอบามามานานให้สร้างเขตห้ามบินในซีเรียบริเวณชายแดนติดตุรกี
ร่างคำสั่งนี้สร้างความเป็นไปได้ว่าอาจมีการก่อตั้งเขตปลอดภัยในประเทศข้างเคียงแต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียด
การเรียกร้องแผนสร้างเขตปลอดภัยของทรัมป์เป็นหนึ่งในอีกหลายคำสั่งที่จะถูกลงนามในอีกไม่กี่วันซึ่งรวมถึงการห้ามผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เข้าสหรัฐฯ ชั่วคราวและการระงับวีซ่าสำหรับพลเมืองของซีเรีย รวมทั้งประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาอีก 6 ประเทศที่ถูกมองเป็นภัยคุกคามด้านก่อการร้าย
มันมองได้ว่าเป็นเวอร์ชันปรับปรุงของการห้ามชาวมุสลิมเข้าสหรัฐฯ ที่ทรัมป์เคยสนับสนุนในระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและทุกฝ่ายทางการเมืองในสหรัฐฯ
