เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ประเทศจีนต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้คลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง เป็นการ “บีบบังคับสหรัฐฯต้องให้ความนับถือ” ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้กับจุดยืนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ โกลบัลไทมส์ หนังสือพิมพ์ชั้นนำฉบับหนึ่งของแดนมังกรเสนอแนะในวันนี้ (24 ม.ค.)
บทวิจารณ์ชิ้นนี้ในโกลบอลไทมส์ หนังสือพิมพ์ขายดีซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการใช้ถ้อยคำเผ็ดร้อนและทัศนะแบบแข็งกร้าว “สายเหยี่ยว” ปรากฏออกมาไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เรียกร้องให้ทั่วโลกห้ามมีและกำจัดอาวุธปรมาณูที่มีอยู่แล้วจนกระทั่งหมดสิ้นไปในที่สุด
ขณะเดียวกัน ในระยะไม่กี่วันหลังๆ มานี้ ในสื่อสังคมของจีนได้มีผู้เผยแพร่ภาพถ่ายหลายภาพซึ่งอ้างกันว่า แสดงให้เห็นระบบขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นก้าวหน้าไฮเทค ซึ่งกองทัพแดนมังกรนำเข้าประจำการทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ โกลบอลไทมส์ ระบุว่า ระบบขีปนาวุธข้ามทวีปดังกล่าวนี้ ตามข่าวแจ้งว่าเป็นรุ่น “ตงเฟิง-41” ซึ่งสามารถเคลื่อนที่โยกย้ายไปตามถนนและติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ โดยที่มีความสามารถติดตั้งหัวรบได้ 10-12 หัวรบ และมีพิสัยทำการ 14,000 กิโลเมตร
โกลบอลไทมส์ ซึ่งเป็นกิจการที่อยู่ในเครือของหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ปากเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปกติแล้วมุ่งแสดงอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยม และเชื่อกันว่า บ่อยครั้งทีเดียวสื่อนี้ถูกใช้เป็นช่องทางเสนอทัศนะแบบแข็งกร้าวภายในรัฐบาลแดนมังกร
บทวิจารณ์ชิ้นนี้ของโกลบอลไทมส์ บอกว่า มีสื่อบางรายอ้างว่ากองทัพปลดแอกประชาชนจีนเป็นผู้ปล่อยภาพเหล่านี้ให้รั่วไหลออกมา เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนทรัมป์
“สื่อเหล่านี้คิดว่านี่คือการที่ปักกิ่งแสดงการตอบโต้เรื่องที่ทรัมป์พูดจายั่วยุจีน” บทวิจารณ์นี้กล่าวต่อ
ทั้งนี้ ทรัมป์ซึ่งสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ (20) ที่ผ่านมา ได้สร้างความขุ่นเคืองให้ปักกิ่ง ด้วยการพูดจาอย่างสุดห้าวในเรื่องการค้าและความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อวันจันทร์ (23) ที่ผ่านมานี้เอง ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวออกมาแถลงเตือนจีน ว่า สหรัฐฯจะ “ปกป้อง” ผลประโยชน์ของอเมริกันและผลประโยชน์ระหว่างประเทศในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนได้ไปสร้างเกาะเทียมเอาไว้จำนวนหนึ่ง ที่สามารถใช้ในทางการทหารได้
“ถ้าในความเป็นจริงแล้ว เกาะเหล่านั้นอยู่ในน่านน้ำระหว่างประเทศ และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างถูกต้อง ครับ เราขอให้แน่ใจได้ว่าเราจะพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ระหว่างประเทศ ไม่ให้ถูกหยิบฉวยครอบครองไว้โดยประเทศหนึ่งใด” สไปเซอร์ บอก
ก่อนหน้านั้น เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ผู้ซึ่งทรัมป์เสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะต้องสกัดกั้นไม่ให้จีนเข้าไปยังเกาะเทียมต่างๆ ที่แดนมังกรสร้างขึ้นมา คำกล่าวเช่นนี้เห็นกันว่าอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากันทางการทหาร
บทวิจารณ์ของโกลบอลไทมส์ บอกว่า ทรัมป์พูดเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำอีกให้สหรัฐฯปรับปรุงเพิ่มเติมอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง
“แม้กระทั่งวอชิงตันก็ยังรู้สึกว่าแสนยานุภาพทางนาวี และความแข็งแกร่งด้านนิวเคลียร์ของตนยังไม่เพียงพอ อย่างนี้แล้วจีนสามารถที่จะรู้สึกพึงพอใจได้อย่างไรกับความเข้มแข็งทางนิวเคลียร์ในปัจจุบันของตน ในเมื่อจีนถูกสหรัฐฯมองว่าเป็นผู้ที่อาจกลายเป็นปรปักษ์รายใหญ่ที่สุดของพวกเขา?” บทวิจารณ์นี้ตั้งคำถาม
โกลบอลไทมส์ กล่าวว่า กำลังอาวุธนิวเคลียร์ของจีน “ต้องแข็งแรงเพียงพอที่จะทำให้ไม่มีประเทศใดกล้าเปิดฉากประจันหน้าทางทหารด้วย”
บทวิจารณ์นี้ดูไม่สอดคล้องกับสิ่งที่ประธานาธิบดีสี กล่าวปราศรัยเอาไว้ที่สหประชาชาติในนครเจนีวา เมื่อวันพุธ (18) ที่แล้ว
“ควรต้องห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์และทำลายอาวุธเหล่านี้ที่มีอยู่ให้หมดสิ้นไป เพื่อทำให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ในที่สุด” สีกล่าว
สำหรับกองทัพปลดแอกประชาชนจีนนั้น ดูจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางทหารเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง โดยมีทั้งการนำเอาเครื่องบินรบรุ่นซึ่งอัปเกรดให้ทันสมัยออกมาโชว์ ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกและลำเดียวของแดนมังกรได้แล่นเข้าสู่ช่องแคบไต้หวันในเดือนที่แล้ว หลังจากทรัมป์แสดงท่าทีเพิ่มความสนิทสนมกับทางการไต้หวัน อีกทั้งระบุว่าอาจไม่ยึดมั่นใน “หลักการจีนเดียว”
เมื่อวันจันทร์ (23) กองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน แถลงว่า ได้ขึ้นระวางเรือพิฆาตลำที่ 5 ซึ่งติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีรุ่นที่สามารถ “ทำลายเรือบรรทุกเครื่องบิน” ได้ และส่งไปประจำการกับทัพเรือทะเลเหนือ (North Sea Fleet) แดนมังกร
เชื่อกันว่า ระบบขีปนาวุธดังกล่าว ออกแบบมาเพื่อมุ่งป้องปรามกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งมีเรือบรรทุกเครื่องบินมากที่สุดในโลก