รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ พยายามที่จะผ่อนคลายความสัมพันธ์อันตึงเครียดที่มีอยู่กับประชาคมข่าวกรองอเมริกัน ด้วยการเดินทางไปตรวจเยี่ยมสำนักงานซีไอเอในวันเสาร์ (21 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันแรกของการทำงานอย่างเต็มวันในตำแหน่งประมุขประเทศ พร้อมปลอบบรรดาเจ้าหน้าที่ของสำนักงานแห่งนี้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเขา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้ผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองผู้นี้ได้วิพากษ์วิจารณ์ใส่หน่วยงานสปายสายลับของประเทศอย่างรุนแรงยิ่ง กรณีเข้าสืบสวนเรื่องแฮกเกอร์รัสเซียโจรกรรมข้อมูลในระหว่างการเลือกตั้งในอเมริกา
ในการเดินทางไปยังสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ที่เมืองแลงลีย์ รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นการไปตรวจเยี่ยมหน่วยงานรัฐบาลแห่งแรกนับตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีด้วยนั้น ทรัมป์ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนเคยพูดถึงขนาดว่าวงการข่าวกรองอเมริกันใช้กลยุทธ์แบบพวกนาซีเยอรมัน ได้หันมาใช้ความพยายามปลอบขวัญเพื่อให้พวกเจ้าหน้าที่ซีไอเอคลายความสงสัย และเชื่อมั่นว่าเขาจะให้ความสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานนี้อย่างเต็มที่
แต่กระนั้นนักวิเคราะห์บางรายก็กล่าวว่าทรัมป์คงต้องทำอะไรมากกว่าแค่การไปเยี่ยมอย่างรวดเร็วเช่นนี้จึงจะสามารถสมานความสัมพันธ์กับประชาคมที่เขาเพิ่งทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่ทรัมป์กล่าวอย่างไม่ได้มีการเตรียมกันมาก่อน ระหว่างอยู่ที่แลงลีย์ในวันเสาร์ (21) ปรากฏว่าส่วนใหญ่ทีเดียวกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของซีไอเอ และหลายๆ ช่วงฟังดูเหมือนกับการปราศรัยบนเวทีหาเสียงมากกว่าการกล่าวสุนทรพจน์กับพวกมืออาชีพด้านข่าวกรอง
ระหว่างการพูดคราวนี้โดยที่เขายืนอยู่ด้านหน้าของอนุสรณ์สถานแด่เจ้าหน้าที่ซีไอเอผู้ล่วงลับ ทรัมป์มิได้ระบุเอ่ยถึงรัสเซีย แต่ได้กล่าวยกย่องชมเชย ไมก์ ปอมเปโอ ผู้ซึ่งเขาเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการซีไอเอคนใหม่ และยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ, ให้คำมั่นที่จะสู้รบปราบปรามกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส), แล้วก็พูดโผงผางเล่นงานสื่อมวลชน ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นตัวการประดิษฐ์สร้างเรื่องว่าเขาบาดหมางกับพวกหน่วยงานข่าวกรอง
“น้อยคนจริงๆ ที่สามารถทำงานซึ่งผู้คนอย่างพวกคุณทำอยู่ และผมต้องการให้พวกคุณทราบว่าผมกำลังอยู่ข้างหลังพวกคุณ (คอยหนุนหลังพวกคุณ) อย่างเต็มที่” ทรัมป์กล่าวท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงปรบมือจากเจ้าหน้าที่ราว 400 คนซึ่งอยู่กันเต็มบริเวณโถงกลางของอาคารเพื่อรับฟังเขาปราศรัย ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงดูเหมือนต่างมีสีหน้าวางเฉย
เขากล่าวด้วยว่า “ไม่มีใครอีกแล้วที่มีความรู้สึกชื่นชมอันแรงกล้าเกี่ยวกับประชาคมข่าวกรองและซีไอเอมากไปกว่าโดนัลด์ ทรัมป์”
ก่อนหน้าที่จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันศุกร์ (20) มีอยู่ช่วงหนึ่งทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอย่างรุนแรงมาก หลังจากประชาคมข่าวกรองรายงานข้อสรุปว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เป็นผู้สั่งการให้พวกแฮกเกอร์แอบเจาะโจรกรรมอีเมลจำนวนมากของพรรคเดโมแครต แล้วทยอยนำออกเผยแพร่ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะลดเครดิตของฮิลลารี คลินตัน และหนุนเชียร์ทรัมป์ให้เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ทว่าในเวลาต่อมาเขาแสดงท่าทียอมรับข้อสรุปนี้หลายๆ ส่วน
แต่แล้วหลังจากมีข่าวรั่วไหลถึงสื่อเกี่ยวกับแฟ้มข้อมูลที่ไม่มีการยืนยันความถูกต้องและรวบรวมขึ้นโดยบริษัทด้านความมั่นคงภาคเอกชนแห่งหนึ่ง โดยที่ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่ามอสโกได้แอบเก็บข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตัวทรัมป์ที่อาจสร้างความมัวหมองให้แก่ชื่อเสียงของเขาเอาไว้ด้วยความประสงค์ที่จะใช้ในการแบล็กเมล์ในเวลาต่อไป ทรัมป์ก็ได้ประณามประดาหน่วยงานข่าวกรองว่ากำลังใช้กลยุทธ์แบบพวกนาซี ทำเอา จอห์น เบรนนัน ผู้อำนวยการซีไอเอที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง ออกมาแถลงตอบโต้ประณามกลับ
ในสำนักงานซีไอเอเมื่อวันเสาร์ (21) ทรัมป์บอกว่าเขาต้องการที่จะพยายามทำงานกับทางมอสโกเพื่อต่อสู้กับพวกไอเอส และเพื่อลดคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ลง
เขากล่าวด้วยว่าพวกผู้สื่อข่าวเป็นผู้ที่สร้างเรื่องความตึงเครียดระหว่างเขากับซีไอเอขึ้นมา “ผมกำลังทำสงครามกับสื่อ พวกเขาอยู่ในกลุ่มของคนที่ไร้ความซื่อสัตย์ที่สุดบนพื้นพิภพนี้” ทรัมป์บอก “พวกเขาทำให้แลดูเหมือนกับว่าผมมีความบาดหมางกับผู้คนในแวดวงข่าวกรอง”
ทรัมป์ยังเล่นงานสื่อในเรื่องที่เผยแพร่ภาพถ่ายและวิดีโอแสดงให้เห็น “สนามที่โล่งว่าง” ระหว่างมีพิธีสาบานตัวของเขา ณ ลานเนชันแนล มอลล์ ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (20) โดยที่เขาอ้างว่ามีผู้คนมาเฝ้าชมพิธีนี้กันมากมาย “เต็มแน่นตลอดพื้นที่ไปไกลจนกระทั่งถึงอนุสาวรีย์วอชิงตันทีเดียว” ทั้งๆ ที่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอมากมายที่เผยแพร่ไปทั่วล้วนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฝูงชนที่มาชุมนุมกันแน่นๆ นั้นยังอยู่ห่างจากหลักหมายสำคัญแห่งนี้อีกไกลโข
นอกจากนั้นเขายังระบุชื่อของนักข่าวนิตยสารไทม์ว่ารายงานข่าวผิดพลาดในขณะเขียนข่าวให้แก่กองกลางของพวกผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาว แล้วไม่ยอมแก้ไข ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงข่าวดังกล่าวได้ถูกถอนออกไปอย่างรวดเร็ว
ทางด้าน ส.ส.แอดัม ชิฟฟ์ จากมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็น ส.ส.อาวุโสที่สุดของฝ่ายเดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้กล่าวตำหนิทรัมป์ที่ใช้การเยือนซีไอเอคราวนี้มาเป็นเวทีเพื่อทะเลาะโต้เถียงกับรายงานข่าวของสื่อมวลชน
“เขาจำเป็นที่จะต้องทำอะไรให้มากกว่าเพียงแค่ใช้อนุสรณ์สถานของสำนักงานแห่งนี้เป็นฉากหลัง ถ้าหากเขาต้องการที่จะได้รับความเคารพจากชายและหญิง ซึ่งเป็นผู้จัดหาข่าวกรองที่ดีที่สุดในโลก” ชิฟฟ์กล่าว
ขณะที่เบรนนัน อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ ไปไกลยิ่งกว่านั้นอีก โดยที่ นิก ชาปิโร อดีตผู้ช่วยของเขา ได้ออกคำแถลงกล่าวว่า “เบรนนันมีความเศร้าใจอย่างลึกซึ้ง และโกรธเกรี้ยวต่อการแสดงการคุยโวโอ้อวดตัวเองอย่างเลวทรามน่ารังเกียจของโดนัลด์ ทรัมป์ ตรงบริเวณด้านหน้ากำแพงอนุสรณ์ของวีรชนสำนักงานของซีไอเอ เบรนนันบอกด้วยว่าทรัมป์ควรที่จะรู้สึกละอายตัวเอง”