เอเจนซีส์ – ล่าสุดเหตุการณ์ความไม่สงบในแกมเบียยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานว่า ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มีนักท่องเที่ยวอังกฤษ รวมอยู่ในนี้่ และประชาชนชาวแกมเบียพยายามหาทางเดินทางออกนอกประเทศ หลังจากที่ประธานาธิบดี ยะห์ยา จัมเมห์ (Yahya Jammeh) แห่งแกมเบียที่อยู่ในอำนาจมายาวนานร่วม 22 ปียืนยันจะไม่สละตำแหน่ง พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉินก่อนถึงกำหนดที่จะต้องลงจากเก้าอี้เพื่อเปิดทางให้แก่ผู้นำคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ (19 ม.ค.) ท่ามกลางความตรึงเครียดบริเวณชายแดน เมื่อกองทัพเซเนกัลออกแถลงการณ์ล่าสุด จะเคลื่อนทัพข้ามพรมแดนทันทีหากผู้นำแกมเบียยังยืนยันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(19 ม.ค)ว่า ในขณะที่บริเวณสนามบินบันจูล( Banjul)ของแกมเบีย ที่นักท่องเที่ยวต่างถูกอพยพอย่างโกลาหล โฆษกกองทัพเซเนกัลพันเอก อับดู เอ็นดิเย( Col. Abdou Ndiaye) แถลงว่า ภายในเที่ยงคืนนี้ กองกำลังเซเนกัลที่ตั้งรอบริเวณพรมแดนติดแกมเบียจะเคลื่อนพลข้ามพรมแดนเข้าไป หากว่าเส้นตายของการส่งมอบอำนาจได้ผ่านพ้นไปแล้ว
โดยเอ็นดิเยได้แถลงต่อรอยเตอร์ว่า “ทางเราพร้อม” และเสริมต่อว่า “หากว่าไม่มีการแก้ปัญหาทางการเมืองเกิดขึ้น ทางเราจะก้าวเข้ามา”
สื่ออังกฤษรายงานว่า กองกำลังพันธมิตรผสมจากชาติภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งรวมไปถึง ไนจีเรีย มาลี โตโก กานา และเซเนกัล ถูกจัดตั้งขึ้นโดยมีกองกำลังเซเนกัลเป็นผู้นำ ซึ่งกองกำลังพันธมิตรชาติแอฟริกันได้รับการสนับสนุนจากองค์กร Ecowas หน่วยงานด้านเศรษฐกิจในแอฟริกาตะวันตกที่มี 15 ชาติเป็นสมาชิก ได้ร่วมเรียกร้องให้ประธานาธิบดี ยะห์ยา จัมเมห์ (Yahya Jammeh)แห่งแกมเบียลงจากอำนาจ
ซึ่งแกมเบียต้องตกอยู่ในความไม่แน่นอนทางการเมืองเมื่อจัมเมห์ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำมาอย่างยาวนานถึง 22 ปี พ่ายแพ้การเลือกตั้งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาให้กับผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายค้านร่วม อาดามา บาร์โรว์ (Adama Barrow) แต่อย่างไรก็ตาม จัมเมห์ปฎิเสธที่จะยอมลงจากอำนาจ พร้อมทั้งใช้อำนาจทางศาลและรัฐสภาในความพยายามเพื่อยึดการดำรงตำแหน่งออกไปจากระยะเวลา 22 ปี
โดยในความพยายามล่าสุดเพื่อปลดชนวนความรุนแรง เกลี้ยกล่อมให้จัมเมห์ยอมรับข้อตกลงและยินยอมเดินทางออกนอกประเทศ ประธานาธิบดีมอริเตเนียได้เดินทางบินไปยังแกมเบียเพื่อพบกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแกมเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะรัฐมนตรีของจัมเมห์ไม่กี่คนที่ยังไม่ได้ลาออก และหลบหนีออกนอกประเทศ และต่อจากนั้นผู้นมอริเตเนียเดินทางต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดีแกมเบีย
สื่ออังกฤษรายงานว่า คำสั่งทางกฎหมายของจัมเมห์ หรือการประกาศภาวะฉุกเฉินที่ถูกประกาศขึ้นก่อนหน้านี้จะสิ้นสุดลงในเที่ยงคืนวันพุธ(18 ม.ค) แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคฝ่ายค้านแกมเบียต่างตั้งความหวังผู้นำแกมเบียที่อยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนานจะเดินจากไปอย่างสงบ พร้อมกับประธานาธิบดีมอริเตเนีย โมฮัมเหม็ด อับดุล อาซิส(Mohamed Abdul Aziz) มากกว่าต้องการเข้าสู่สงคราม
แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายว่า ผู้นำมอริเตเนียทำงานไม่สำเร็จ และเดินทางออกจากแกมเบียไปตามลำพัง โดยไม่มีจัมเมห์เดินทางไปพร้อมด้วย เดอะการ์เดียนชี้
ด้านอูซมาน บาดเจีย( Ousman Badjie) ผู้นำกองทัพแกมเบียออกแถลงการณ์ในวันพุธ(18 ม.ค)จากพยานที่ได้เปิดเผยกับเอเอฟพี โดยในแถลงการณ์ระบุว่า เขาจะไม่สั่งการให้กองทัพแกมเบียจับอาวุธต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรชาติแอฟริกัน หากว่ากองกำลังต่างชาติเหล่านี้เคลื่อนพลเข้าสู่ดินแดนแกมเบีย โดยบาดเจียกล่าวว่า “เราจะไม่ยอมให้ตัวเราต้องเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการทางทหารเด็ดขาด เพราะนี่เป็นความขัดแย้งทางการเมือง”
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “ผมจะไม่ยอมให้ทหารของผมต่อสู้ในสงครามโง่ๆ” และเสริมอีกว่า “ผมรักนายทหารของผม” และบาดเจียที่ได้หยุดพร้อมร่วมถ่ายภาพเซลฟีพร้อมกับกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนจากการรายงาน โดยผู้บัญชาการกองทัพแกมเบียกล่าวยืนยันว่า “เมื่อพวกเขา(กองทัพเซเนกัล) เดินทางเข้ามา ทางกองกำลังของพวกเราจะทำการส่งสัญญาณยอมแพ้ให้รับรู้ด้วยการชูมือขึ้นเหนือศรีษะ”
เดอะการ์เดียนรายงานเพิ่มเติมว่า ว่าที่ประธานาธิบดีแกมเบีย อามาดา บาร์โรว์ ที่ในขณะนี้อยู่ในเซเนกัลจะเดินทางเข้ามายังแกมเบียในวันพฤหัสบดี(19 ม.ค) เพื่อเข้ารับการสาบานตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแกมเบียคนต่อไปไม่ว่าจัมเมห์จะเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ในพรรคร่วมฝ่ายค้านแกมเบียชี้ว่า การเข้าพิธีสาบานตนของผู้นำแกมเบียคนใหม่จะเกิดขึ้นในที่ปิดลับแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ในสนามกีฬาแห่งชาติตามที่วางแผนไว้แต่แรก
โดยในความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้ประชาชนจำนวนมาก ที่ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ต่างหลบหนีออกนอกประเทศ โดยเดินทางออกบริเวณพรมแดนทางบก ซึ่งเซเนกัลที่มีพรมแดนติดกันได้ยื่นร่างข้อเสนอแผนสันติภาพต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติในวันพุธ(18 ม.ค)เพื่อร้องขอการสนับสนุนต่อความพยายามขององค์กร Ecowas ที่ต้องการผลักดันให้ประธานาธิบดีจัมเมห์ต้องลงจากอำนาจ
