xs
xsm
sm
md
lg

โอบามาเล็งเก็บตัวหลังพ้นตำแหน่ง ลั่นพร้อมทุกเมื่อเพื่อค่านิยมอเมริกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<em> <br><FONT color=#000033>ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขึ้นแถลงข่าวครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน วันที่ 18 ม.ค. -- Reuters/Kevin Lamarque. </font></b> </em>

เอเจนซีส์ - โอบามาแถลงข่าวครั้งสุดท้าย เผย อยากใช้เวลาเงียบๆ เขียนหนังสือ และอยู่กับครอบครัว แต่พร้อมออกมาคัดค้าน หากทรัมป์คุกคามค่านิยมหลักของอเมริกา พร้อมเตือนว่าที่ประมุขทำเนียบขาว ทบทวนจุดยืนนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกมาตรการแซงก์ชันรัสเซีย และการย้ายสถานทูตอเมริกันในอิสราเอล ไปยังเยรูซาเลม

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งเมื่อวันพุธ (18) ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ภาพคร่าวๆ เกี่ยวกับชีวิตหลังพ้นจากทำเนียบขาว รวมทั้งยังยกย่องบทบาทของสื่อเสรี และบอกเล่า ปฏิกิริยาของลูกสาวทั้งสองคนต่อผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

โอบามา และครอบครัว จะย้ายไปปาล์ม สปริงส์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันศุกร์ (20) หลังเสร็จสิ้นพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

โอบามา แถลงว่า ต้องการอยู่เงียบๆ กับครอบครัว และเขียนหนังสือในช่วงปีแรก

ก่อนหน้านี้ เขาพูดหลายครั้งว่า ชื่นชมแบบอย่างที่ดีของประธานาธิบดีคนก่อน คือ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากรีพับลิกัน ที่งดเว้นการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองหลังอำลาห้องทำงานรูปไข่

กระนั้น ประธานาธิบดีจากเดโมแครตที่กำลังจะพ้นตำแหน่งกล่าวชัดเจนว่า ไม่ลังเลที่จะออกมาวิจารณ์บางประเด็นสำคัญเกี่ยวกับค่านิยมหลักของอเมริกา เช่น การสร้างอุปสรรคใหม่ในการลงคะแนนเสียง ความพยายามของสถาบันต่างๆ ในการปิดปากสื่อหรือผู้ที่มีความเห็นขัดแย้ง และการผลักดันผู้อพยพผิดกฎหมายที่เดินทางเข้าอเมริกาตั้งแต่เด็ก

ทั้งนี้ ระหว่างหาเสียง ทรัมป์เสนอแผนการห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ และเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองนับล้าน ซึ่งรวมถึงชาวละตินอเมริกันจำนวนมากที่ตั้งรกรากในอเมริกามานาน

บรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์ต่างปริ่มเปรมว่า การเข้ารับตำแหน่งของมหาเศรษฐีจากนิวยอร์กผู้นี้จะทำให้การเมืองแบบเดิมๆ ถึงคราวอวสาน ขณะที่กลุ่มผู้คัดค้านพากันกังวลกับผู้นำที่เอาแน่เอานอนไม่ได้แถมไร้ประสบการณ์โดยสิ้นเชิง

กระนั้น โอบามา ให้ความมั่นใจว่า เขาได้ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดแก่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ อาทิ การแนะนำว่าตำแหน่งนี้เป็นภารกิจที่หนักหนาสาหัสที่รับผิดชอบคนเดียวไม่ได้ แต่ต้องอาศัยทีมงาน

โอบามายังเตือนทรัมป์ให้ใคร่ครวญนโยบายต่างประเทศให้รอบด้าน เนื่องจากบางนโยบายอาจถูกใจคนอเมริกัน แต่ขณะเดียวกัน ก็อาจกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ ตัวอย่างเช่น การที่ทรัมป์ประกาศย้ายสถานทูตอเมริกันในอิสราเอลไปตั้งในเยรูซาเลม

สำหรับเรื่องที่ทรัมป์ลั่นวาจา ว่า ต้องการปรองดองกับเครมลินนั้น โอบามา รับว่า เป็นสิ่งที่ดีที่มหาอำนาจสองประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์เสนอเงื่อนไขยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ หากรัสเซียยอมตกลงลดการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเป็นคนละประเด็นกัน
.

.
โอบามายังปกป้องการตัดสินใจในการลดโทษให้สิบตรีเชลซี แมนนิ่ง พลทหารข้ามเพศที่ถูกตัดสินจำคุก 35 ปี เมื่อปี 2013 จากข้อหาเผยแพร่เอกสารลับของอเมริกาให้วิกิลีกส์ โดยบอกว่า แมนนิ่งได้รับโทษแล้ว เขาจึงคิดว่า ระบบยุติธรรมได้ทำหน้าที่แล้วและข้อความที่ต้องการสื่อก็บรรลุผลแล้วเช่นเดียวกัน

โอบามา เสริมว่า ลูกสาวทั้งสองคน คือ ซาชา วัย 15 ปี และ มาเลีย วัย 18 ปี ไม่ได้โศกเศร้าหรือเหน็บแนมถากถาง หลังจาก ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

เขายอมรับว่า ลูกๆ ผิดหวัง เพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่แม่กล่าวระหว่างช่วยคลินตันหาเสียง เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ได้รับการปลูกฝังมาตลอด กระนั้น เขา และ มิเชล ภรรยา พยายามบอกให้ลูกๆ อดทนและยอมรับ และสอนให้มีความหวัง

“นี่ไม่ใช่เรื่อง ‘โอบามาไม่ดรามา’” ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของอเมริกาพูดติดตลกล้อเลียนสมญานามของตัวเองที่ดูเป็นคนใช้สมองมากกว่าอารมณ์ และบางครั้งถึงขั้นเฉยชา “แต่ผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ”

เขายังบอกว่า เวลาอยู่คนเดียว เขาสบถมากกว่าตอนอยู่ในที่สาธารณะ และบางครั้งก็ฉุนเฉียวเหมือนคนอื่นๆ “แต่ในใจลึกๆ ผมคิดว่า อเมริกาจะผ่านพ้นไปได้”

นอกจากสร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกา เมื่อปี 2008 แล้ว โอบามายังอำลาตำแหน่งด้วยคะแนนนิยม 60% สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับจากเดือนมิถุนายน 2009 จากการสำรวจของซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี

ในทางกลับกัน เมื่อวันอังคาร (17) ทรัมป์ทวีตโจมตีสำนักจัดทำโพลต่างๆ หลังวอชิงตัน โพสต์ - เอบีซี เผยผลสำรวจความคิดเห็นที่ระบุว่า อดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ผู้นี้ได้คะแนนนิยมก่อนเข้ารับตำแหน่งแค่ 40% ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในบรรดาว่าที่ประธานาธิบดีนับจาก จิมมี คาร์เตอร์ ในปี 1977
กำลังโหลดความคิดเห็น