เอเจนซีส์ - เครือข่ายรถรางของเมืองเมลเบิร์น กำลังจะหันมาใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์เต็มรูปแบบ ตามแผนของฝ่ายบริหารรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย ที่จะสร้างพื้นที่โซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่บริเวณทางเหนือของรัฐวิกตอเรีย
เรื่องนี้ถูกประกาศในวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดการปล่อยคาร์บอนของรัฐวิกตอเรียให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งการประกวดราคาเพื่อสร้างและดำเนินงานแผงโซลาร์ฟาร์มขนาด 75 เมกะวัตต์ จะเริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2017 โดยที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก คาดว่าจะสร้างเสร็จในสิ้นปี 2018
ลิลลี ดิอัมโบรซิโอ รัฐมนตรีพลังงานและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า พลังงานไฟฟ้าจำนวน 35 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่นี้ จะถูกนำไปใช้ดำเนินการเครือข่ายรถรางในเมลเบิร์น ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 80,000 ตันต่อปี
ดิอัมโบรซิโอบอกว่า โครงการนี้จะมีการใช้งบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ และจะช่วยสร้างงาน 300 ตำแหน่ง
พรรคกรีนยินดีกับความเคลื่อนไหวนี้ที่จะให้รถรางใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยระบุว่า มันตรงกับนโยบายของพรรคกรีนที่เคยประกาศไว้ในปี 2015 แต่ก็บอกด้วยว่า ฝ่ายบริหารของรัฐเป็นพวกปากว่าตาขยิบ เพราะโปรโมตเรื่องพลังงานแสงอาทิตย์ แต่กลับหั่นมาตรการส่งเสริมการรับซื้อจากพลังงานหมุนเวียน
เมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ ฝ่ายบริหารของรัฐวิกตอเรียเพิ่งอนุมัติการก่อสร้างทุ่งกังหันลม 2 แห่ง บริเวณพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวิกตอเรีย ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 30 และ 66 เมกะวัตต์
เมื่อเดือนพฤศจิกายน มีการประกาศว่าจะมีการปิดโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน “เฮเซลวู้ด” ที่ตั้งอยู่ในกิปส์แลนด์ ซึ่งผลิตไฟฟ้า 25% ของปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ในรัฐวิกตอเรีย