เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(16 ม.ค)ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 ( Martin Luther King III) ลูกชายผู้นำต่อสู้สิทธิมนุษยชนผิวสี มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ที่ทำให้ประชาชนผิวสีแอฟริกันอเมริกันมีสิทธิเท่าเทียมกับอเมริกันผิวขาวโดยเฉพาะในด้านสิทธิการเมือง สร้างเสียงฮือฮา หลังจากก่อนหน้านี้ทรัมป์มีคดีทวีตโจมตีนักสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และสมาชิกสภาคองเกรสพรรคเดโมแครต จอห์น ลูอิส(John Lewis) ล่าสุดพบมีสมาชิกรัฐสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 38 คนประกาศไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(16 ม.ค)ว่า มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 ( Martin Luther King III) ลูกชายคนโตของผู้นำต่อสู้สิทธิมนุษยชนผิวสี สาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ เดินทางมาถึงตึกทรัมป์ทาวเวอร์ เมืองนิวยอร์ก ซิตี ก่อนเวลา 13.00 น ไม่นานนัก เพื่อพบกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน ที่มีประวัติการกีดกันมุสลิม และชนกลุ่มน้อยในอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ .
การพบปะของคนทั้งคู่เกิดขึ้นในวันจันทร์(16 ม.ค) ซึ่งถือเป็นวันหยุดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่รู้จักว่าเป็นวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หรือวัน MLK ที่มีการเดินขบวนเพื่อเป็นเกียร์ติให้แก่ดอกเตอร์คิงก่อนหน้านี้ และเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้กล่าวโจมตี สส.รัฐจอร์เจีย จอห์น ลูอิส (John Lewis )จากพรรคเดโมแครต ที่เป็นผู้นำด้านสิทธิมนุษยชนของอเมริกา จากการที่ลูอิสได้ตั้งคำถามในข้อสงสัยต่อการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯอย่างถูกต้องตามกฏหมายของทรัมป์
สื่ออังกฤษรายงานต่อว่า และหลังจากพบปะร่วม 50 นาทีระหว่างทรัมป์และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 พบว่า ลูกชายคนโตของดอกเตอร์คิงเดินออกมาจากลิฟต์ของตัวตึกทรัมป์ทาวเวอร์ และพบกับกองทัพนักข่าวที่ยังปักหลักรอ และเมื่อถูกถามว่า เหตุใดจึงเดินทางมาพบกับทรัมป์ ซึ่งสื่ออังกฤษรายงานว่า ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ยอมให้สัมภาษณ์นักข่าว แต่สื่อรายงานว่า พบว่าทรัมป์ได้จับมือกับแขกที่เดินทางเข้ามาภายในตึกทรัมป์ทาวเวอร์
ซึ่งมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 กล่าวตอบนักข่าวเพียงว่า “เป็นการพบปะที่สร้างสรรค์” และกล่าวต่อว่า “เราต้องมองไปข้างหน้า” นอกจากนี้ทั้งคิงและ วิลเลียม วาชเทล(William Wachtel) ทนายความนิวยอร์กได้เปิดเผยกับนักข่าวต่อว่า คนทั้งคู่ได้พูดคุยกับทรัมป์ในเรื่องสิทธิการลงคะแนนเลือกตั้งสหรัฐฯ และการที่จะทำให้สิ่งที่พ่อของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3ได้สร้างไว้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยการทำให้ “ทุกคนสามารถมีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งได้”
ทั้งนี้วาชเทลกล่าวว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับคนทั้งคู่ในการทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ
เอบีซีนิวส์ สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมต่อว่า ล่าสุดวันนี้(17 ม.ค) พบว่ามีสมาชิกสภาคองเกรสสายพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 38 คนประกาศยืนยันไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์(20 ม.ค)นี้ โดยสื่อสหรัฐฯชี้ว่า เหตุที่มีจำนวนสมาชิกสภาคองเกรสเข้าร่วมการบอยคอตทรัมป์มากขึ้น เพราะทรัมป์ได้ออกแถลงการณ์กล่าวโจมตี จอห์น ลูอิส ที่ถือเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนในอเมริกาว่า “ดีแต่พูด” ซึ่งตอบโตกับการที่ลูอิสได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ Meet The Press ในวันอาทิตย์(15 ม.ค) ที่ได้กล่าวว่า เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ชอบด้วยกฎหมาย
เอบีซีนิวส์รายงานต่อว่า และ 1 ใน 38 คนที่ประกาศบอยคอตยังรวมไปถึง สส.รัฐจอร์เจีย ลูอิส คนนี้ ซึ่งเอบีซีนิวส์ชี้ว่า นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนรายนี้เคยเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับสาธุคุณ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในการเรียกร้องเพื่อความเท่าเทียม และต่อมาทำให้สหรัฐฯมีกฎหมายสิทธิการเลือกตั้งปี 1965 (Voting Rights Act)มาแล้ว
ซึ่งเมื่อลูกชายคนโตของดอกเตอร์คิงถูกถามถึงลูอิสเกี่ยวกับข้อขัดแย้งกับทรัมป์ เดอะการ์เดียนชี้ว่า มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 ตอบกลับมาว่า “ทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ในช่วงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และบางที่อเมริกาจำเป็นที่ต้องมองไปข้างหน้า” แต่อย่างไรก็ตาม คิงกล่าวต่อว่า เขาจะยังคงตรวจสอบทรัมป์อย่างใกล้ชิดในความพยายามที่จะเข้าร่วมกับอเมริกันทุกฝ่าย
“ผมคิดว่าพ่อของผมคงจะต้องเป็นกังวลมากต่อปัญหาผู้คนจำนวน 50-60 ล้านคนที่ยังอยู่ในความยากจน ซึ่งถือเป็นเรื่องบ้าคลั่งมากที่เรายังคงมีประชาชนที่ยากไร้ในประเทศแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราจำเป็นต้องเริ่มพูดคุยถึงปัญหาการที่จะทำให้คนเหล่านี้มีเสื้อผ้า และการที่จะทำให้คนเหล่านี้อิ่มได้อย่างไร” มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ที่ 3 แถลง
เอบีซีนิวส์ชี้ว่า ความเห็นของทรัมป์ที่วิจารณ์ลูอิสสร้างความโกรธให้บรรดานักการเมืองจากทั้งปีกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเป็นอย่างมาก ในขณะทีเดอะการ์เดียนรายงานว่า หนึ่งในนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียงได้เปิดเผยกับสื่ออังกฤษว่า เธอสนับสนุนการพบปะระหว่างทรัมป์และมาร์ติน ลูเธอร์ คิงที่ 3 แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เธอเห็นด้วยกับการออกมาบอยคอตประท้วงทรัมป์ด้วยการไม่เข้าร่วมพิธีการสาบานตนที่ทรงเกียร์ติของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
