เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย กับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ได้กระชับความสัมพันธ์กันให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ต่อพันธกิจความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล ที่ทั้งสองชาติต่างก็ขัดแย้งกับจีนอยู่ในขณะนี้
ในการไปเยือนอินโดนีเซียตามแผนทัวร์หลายประเทศในภูมิภาคเดียวกันของผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปฟิลิปปินส์และออสเตรเลียมาแล้ว และหลังจากเยือนอินโดนีเซียก็จะไปที่เวียดนามต่ออีก อาเบะได้ระบุว่า ทั้งสองชาติให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือทางทะเลไว้ในระดับสูงสุด
“ญี่ปุ่นจะส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเล รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาตามหมู่เกาะในพื้นที่ห่างไกลของอินโดนีเซีย” อาเบะ กล่าวผ่านล่ามที่ทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองโบกอร์
เมื่อเดือนที่แล้ว โตเกียวและจาการ์ตาได้เผยข้อตกลงที่มุ่งเป้าเพิ่มความเข้มแข็งด้านความสามารถในการป้องกันตนเองบริเวณพรมแดนทางทะเลที่กว้างใหญ่ของอินโดนีเซีย
อินโดนีเซียมิได้มีข้อโต้แย้งกับจีนในเรื่องความเป็นเจ้าของแนวปะการังหรือหมู่เกาะขนาดเล็กในทะเลจีนใต้ แต่การอ้างสิทธิ์อย่างกว้างขวางในทะเลจีนใต้ของแดนมังกรนั้นไปทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นน่านน้ำที่อินโดนีเซียมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากทรัพยากร รอบเกาะนาตูนา
อินโดนีเซียได้ลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะปกป้องอธิปไตยของตนเองจากการรุกล้ำโดยเรือประมง ทั้งยังทำการระเบิดเรือต่างชาติไปแล้วหลายลำ ซึ่งรวมถึงเรือของจีนด้วย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเอาจริง
ญี่ปุ่นซึ่งมีข้อพิพาทกับจีนเรื่องหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก กำลังสานสัมพันธ์ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นกับบรรดาชาติสมาชิกอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย ทั้งยังมีการเน้นย้ำอยู่เสมอว่าข้อพิพาททางทะเลควรดำเนินการตามกฏหมาย
รัฐมนตรีกลาโหมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นและอินโดนีเซียจะมีการพบกันในปีนี้ด้วย เพื่อหารือกันให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความร่วมมือในด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคง
วิโดโดบอกว่า ญี่ปุ่นลงทุนในอินโดนีเซียปีที่แล้วเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบ 2 เท่าของปี 2015 นอกจากนี้ผู้นำของทั้งสองชาติยังหารือกันถึงเรื่องโอกาสในด้านในด้านต่างๆ โดยเน้นไปที่บรรดาโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟความเร็วระดับกลาง, ท่าเรือที่สำคัญ
วิโดโดกำลังพยายามจะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในส่วนของถนน เส้นทางรถไฟ และท่าเรือ
ญี่ปุ่นชนะการประมูลเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาดใหญ่ในอินโดนีเซีย รวมถึงระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในจาการ์ตา แต่เสียสัญญาโครงการมูลค่ามหาศาลในการสร้างเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงของอินโดนีเซียให้แก่จีน