เอเอฟพี - อัยการเกาหลีใต้ยื่นขอศาลออกหมายจับ ลี แจยอง รองประธานกลุ่มบริษัทซัมซุงแล้วในวันนี้ (16 ม.ค.) กรณีพัวพันคดีจ่ายสินบนอื้อฉาวที่ทำให้ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอน
ซัมซุงซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกยังคงได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาแบตเตอรีในสมาร์ทโฟนรุ่น Galaxy Note 7 ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องประกาศเรียกคืนสินค้าทั่วโลก และยุติการผลิตสินค้าเรือธงรุ่นนี้
ผลประกอบการของกลุ่มซัมซุงนั้นคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของจีดีพีเกาหลีใต้ และมีบริษัทในเครืออยู่นับสิบแห่ง รวมไปถึง ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์
คณะอัยการที่ทำคดีนี้ระบุว่า พวกเขาได้ขอให้ศาลกรุงโซลออกหมายจับ ลี แจยอง ซึ่งเป็นทายาทคนโตของประธาน ลี คุน-ฮี แห่งอาณาจักรซัมซุง
โฆษกอัยการยอมรับว่า การออกหมายจับ ลี แจยอง วัย 38 ปี จะส่งผลกระทบ “อย่างสำคัญ” ต่อเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ “แต่เราเชื่อว่าการธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้นสำคัญกว่า”
ชอย ซุน-ซิล เพื่อนสนิทของประธานาธิบดี พัค ถูกกล่าวหาว่าอาศัยความสนิทสนมกับผู้นำประเทศข่มขู่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมถึงซัมซุง ให้บริจาคเงินเกือบ 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ามูลนิธิไม่แสวงผลกำไร 2 แห่งที่เธอใช้เป็นเหมือน “เอทีเอ็ม” ส่วนตัว โดยมีการเอื้อผลประโยชน์ตอบแทนให้
นอกจากจะเป็นผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดแล้ว ซัมซุง ยังเคยมอบเงินสดให้แก่ ชอย อีกหลายล้านยูโร ซึ่งว่ากันว่าถูกนำไปจ่ายค่าคอร์สเรียนขี่ม้าของบุตรสาว ชอย ในเยอรมนี
ลี ซึ่งมีฐานะเป็น “ประธานโดยพฤตินัย” ของซัมซุงตั้งแต่บิดาของเขาล้มป่วยจนกลายเป็นคนไร้ความสามารถเมื่อปี 2014 ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเงินก้อนโตให้แก่ ชอย เพื่อขอให้ช่วยล็อบบี้กองทุนบำนาญแห่งชาติ (NPS) ให้อนุมัติการผนวกกิจการระหว่างบริษัทในเครือซัมซุง 2 แห่งเมื่อปี 2015
โฆษกอัยการชี้ว่า เงินสินบนที่ซัมซุงจ่ายไปนั้นมีมูลค่าสูงถึง 43,000 ล้านวอน (ราว 1,290 ล้านบาท)
ทายาทอันดับ 1 ของซัมซุงถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์ (embezzlement) จากการนำเงินทุนของบริษัทไปจ่ายสินบน รวมไปถึงข้อหาเบิกความเท็จ (perjury) หลังจากที่ ลี ให้การต่อคณะกรรมการรัฐสภาว่า ไม่เคยเรียกร้องผลประโยชน์พิเศษใดๆ จากการบริจาคเงิน
ศาลแขวงกรุงโซลจะตัดสินคำร้องของอัยการในวันพุธ (18) ซึ่งหากศาลอนุมัติหมายจับ ลี ซึ่งเคยถูกอัยการรีดสอบนานถึง 22 ชั่วโมงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะกลายเป็นผู้บริหารระดับสูงคนแรกที่ถูกจับกุมในคดีนี้
ด้าน ซัมซุง ได้ออกมาแถลงตอบโต้การขอออกหมายจับ ลี ว่า “เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ”
“เราไม่เคยบริจาคเงินเพื่อหวังผลตอบแทนเลย เชื่อว่าศาลคงจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนและเป็นธรรม”
แผนควบรวมบริษัทก่อสร้าง ซัมซุง ซีแอนด์ที คอร์ป เข้ากับบริษัทสิ่งทอ เชอิล อินดัสตรีส์ ถูกมองว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้การถ่ายโอนอำนาจบริหารสู่ทายาทซัมซุงรุ่นที่ 3 เป็นไปอย่างราบรื่น
นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างคัดค้านเรื่องนี้เนื่องจากทำให้ราคาหุ้น ซัมซุง ซีแอนด์ที คอร์ป ตกลงอย่างมาก ทว่า NPS ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในซัมซุงกลับยอมอนุมัติ จนแผนนี้เดินหน้าไปได้สำเร็จ
มุน ฮยุง-พยอ ประธาน NPS ก็ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบในวันนี้ (16) ด้วย โดยเชื่อกันว่าเขาได้กดดันผู้บริหารกองทุนให้อนุมัติแผนควบกิจการของซัมซุง ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการสังคม
ประธานาธิบดี พัค ซึ่งถูกรัฐสภายื่นฟ้องถอดถอนเมื่อเดือน ธ.ค. ถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับ ชอย รีดไถเงินจากกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ และปล่อยให้เพื่อนสนิทคนนี้ก้าวก่ายกิจการของรัฐ
ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้อยู่ระหว่างพิจารณาว่า พัค มีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งหากศาลรับรองมติถอดถอน เธอก็จะสูญเสียความคุ้มกันทางกฎหมายและสามารถถูกดำเนินคดีอาญาได้ ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่จะจัดขึ้นภายใน 60 วันหลังจากนั้น
สตรีทั้งสองยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง
วันนี้ (16) ชอย ถูกนำตัวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรับการไต่สวนข้อหาข่มขู่รีดไถและใช้อำนาจโดยมิชอบเป็นครั้งแรก โดยเธอยอมรับว่าเคยเข้าไปที่ทำเนียบประธานาธิบดีหลายครั้งเพื่อช่วย พัค จัดการ “เรื่องส่วนตัว” และใช้บัญชีอีเมลร่วมกับที่ปรึกษาทำเนียบคนหนึ่งเพื่อช่วยตรวจแก้ร่างสุนทรพจน์ให้ พัค แต่เธอยืนยันว่าไม่เคยใช้เส้นสายขู่รีดเงินจากนักธุรกิจตามที่ถูกกล่าวหา