เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพบกับประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ในวันเสาร์ (14 ม.ค.) ในกรุงวาติกัน โดยมีรายงานการพบปะร่วมกว่า 20 นาที อุ่นเครื่องก่อนประชุมซัมมิตสันติภาพตะวันออกกลางในกรุงปารีสวันนี้ (15 ม.ค.) ที่มีตัวแทน 70 ชาติเข้าร่วม แต่อิสราเอลปฏิเสธ อ้างแก้ปัญหา 2 รัฐต้องคุยทางตรงเท่านั้น
NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ว่า ก่อนพิธีเปิดสถานทูตปาเลสไตน์ประจำกรุงวาติกัน พระประมุขแห่งโฮลีซี สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพบกับประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส โดยมีรายงานว่า การหารือเกิดขึ้นเป็นเวลา 23 นาที ซึ่งทางสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่าการทำพิธีเปิดสถานทูตปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการในครั้งนี้น่าจะเป็นการทำให้รัฐบาลอิสราเอลขุ่นเคืองใจจากที่มีความพยายามเรื่อยมาในการคัดค้านการยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะประเทศอย่างเป็นทางการ
โดยมีรายงานว่าสถานทูตปาเลสไตน์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในตึกที่กรุงวาติกันเป็นเจ้าของนั้นได้เริ่มให้บริการนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม พิธีเปิดอย่างเป็นทางการที่เกิดขึ้นในวันเสาร์ (14 ม.ค.) แสดงให้เห็นว่าวาติกันยอมรับปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระ
โดยจากแถลงการณ์ของกรุงวาติกันในการสนทนาระหว่างโป๊ปฟรานซิสกับอับบาสชี้ว่า ผู้นำทั้งสองต่างสนทนาด้านความคืบหน้าด้านสันติภาพในตะวันออกกลาง และต่างตั้งความหวังถึงการเจรจาโดยตรงระหว่างคู่กรณีที่จะนำมาสู่ข้อยุติในความรุนแรงที่ได้เกิดขึ้น ที่ได้สร้างความเสียหายที่ไม่อาจรับได้ต่อประชาชน และการหาทางไปสู่ข้อยุติที่ถาวรและสมเหตุสมผล
“ในการที่จะทำให้เกิดการยุติ มีการตั้งความหวังที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลก ถึงมาตรการที่จะสามารถเกิดขึ้นได้โดยการผ่านทางความเชื่อมั่นร่วมกันเท่านั้น ในการที่จะร่วมทำให้บรรยากาศที่นำมาสู่การตัดสินใจอย่างกล้าหาญเพื่อผลแห่งสันติภาพเกิดขึ้น” รายงานจากแถลงการณ์ของกรุงวาติกัน
ซึ่งพบว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของกรุงวาติกันและปาเลสไตน์มั่นคงมากขึ้น ทั้งนี้ ในการพบปะกันระหว่างโป๊ปฟรานซิสกับอับบาสถือว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วของคนทั้งคู่ สื่อสหรัฐฯ ชี้
และพบว่าการพบปะเกิดขึ้นในเงื่อนเวลาที่สำคัญ เนื่องจากเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมซัมมิตสันติภาพตะวันออกกลางที่จะเริ่มเปิดฉากขึ้นในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่มีตัวแทนจาก 70 ชาติเข้าร่วมเพื่อหาทางออก
แต่ทว่าบีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) ว่า การประชุมครั้งนี้จะไม่มีตัวแทนจากอิสราเอล คู่กรณี เข้าร่วม เนื่องมาจากทางเทลอาวีฟอ้างว่าการเจรจาระดับทวิภาคีเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ได้สำเร็จและยั่งยืน มากกว่าการเข้ามาแทรกแซงจากประเทศนานาชาติ
โดยสื่ออังกฤษชี้ว่า เป็นการหารือที่มีจุดประสงค์เพื่อให้การหาทางออกในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์โดยมีหลักการ “2 รัฐ” เป็นหัวใจสำคัญ
โดยพบว่าในซัมมิต การเจรจาปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์ครั้งสุดท้ายได้ล่มลงในเดือนเมษายน 2014 ท่ามกลางความรู้สึกบาดหมางกินลึกระหว่างทั้ง 2 ชาติมากขึ้นในขณะนั้น
บีบีซีรายงานเพิ่มเติมต่อว่า ในการประชุมสันติภาพปารีสซัมมิตนี้ ทั้งอิสราเอลและปาเลสไตน์ถูกเชิญให้เข้ารับฟังข้อเสนอแนะจากที่ประชุม แต่ไม่ได้ส่งตัวแทนเพื่อนั่งถกในที่ประชุม ซึ่งพบว่านายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู นอกจากที่จะปฏิเสธส่งตัวแทนเข้านั่งในที่ประชุมซัมมิตร่วมกับตัวแทนจากปาเลสไตน์แล้ว เนทันยาฮูยังเรียกการประชุมครั้งนี้ว่าเป็น การประชุมที่มีการจัดฉากขึ้น
“เป็นการประชุมที่ถูกเดินเครื่องโดยพวกปาเลสไตน์ โดยมีฝรั่งเศสเป็นผู้อนุญาตให้มีการป้อนแนวคิดต้านยิวเข้าไป ซึ่งนี่ทำให้สันติภาพต้องถอยหลัง” เนทันยาฮูแถลง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กำลังจะหมดวาระลง จะเข้าร่วมนั่งหารือในที่ประชุมปารีสซัมมิตนี้อย่างแน่นอน เพื่อทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายในห้องประชุมจะเป็นในแนวทางที่สร้างสรรค์และยุติธรรม
โดยทางมาร์ก โทนเนอร์ (Mark Toner) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ทางสหรัฐฯ ไม่ต้องการเห็นว่ามีความพยายามในการทำให้เกิดการลงมติเกี่ยวกับอิสราเอลในที่ประชุมนี้ ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่าทางอิสราเอลเกรงว่ามติที่จะมีขึ้นในที่ประชุมปารีสซัมมิตอาจถูกใช้เป็นข้อตกลงของสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม และส่งต่อไปยังองค์การสหประชาชาติเพื่อลงมติรับต่อไป โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกมองว่าเป็นตัวขัดขวางการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์