xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus : ปัญหา “ทาสกาม” กัดเซาะสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ขณะโสมแดงขู่ยิง “จรวดข้ามทวีป”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้กำลังติดตั้งรูปปั้นสตรีเพื่อการผ่อนคลายไว้ที่ด้านหน้าสถานกงสุลญี่ปุ่นในเมืองปูซาน เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ภาวะสุญญากาศทางการเมืองในเกาหลีใต้ ประกอบกับความพยายามของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ที่จะเอาใจฐานเสียงชาตินิยม ทำให้ปมขัดแย้งในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับกลายมาเป็นวิกฤตการทูตระหว่างโซลและโตเกียวอีกครั้ง และอาจกัดเซาะความร่วมมือระหว่าง 2 พันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในห้วงเวลาที่ทั้งภูมิภาคกำลังหวาดหวั่นภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ความบาดหมางระหว่างญี่ปุ่น กับเกาหลีใต้ เรื่อง “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” (comfort women) ร้อนระอุขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐฯ จะเปลี่ยนตัวผู้นำจาก บารัค โอบามา มาเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ และยังไม่มีใครคาดเดาได้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่จะมีนโยบายเช่นไรต่อเกาหลีเหนือ

ข้อพิพาทนี้เคยลุกลามบานปลายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2012 จนทำให้ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ตกต่ำถึงขีดสุด

นักวิเคราะห์บางคนคาดหวังว่า โตเกียวและโซลคงจะหาทางระงับวิกฤตการทูตครั้งใหม่ไม่ให้ส่งผลต่อความร่วมมือด้านกลาโหม เนื่องจากทั้งภูมิภาคกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง หลังเกาหลีเหนือขู่จะยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (Intercontinental ballistic missile - ICBM) ในอีกไม่ช้า

“คิม จอง อึน พูดเอาไว้เมื่อช่วงปีใหม่ว่าเกาหลีเหนือพัฒนาจรวด ICBM มาถึงขั้นตอนสุดท้าย ดังนั้น เกาหลีใต้คงจะทราบดีว่า ความร่วมมือกับญี่ปุ่นและสหรัฐฯ นั้นสำคัญมาก” นารุชิเงะ มิจิชิตะ อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมของญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันผันตัวไปเป็นอาจารย์ประจำสถาบันบัณฑิตแห่งชาติเพื่อการศึกษานโยบาย ระบุ

“ปัญหาการเมืองอาจจะเป็นตัวขัดขวางความร่วมมือ โดยเฉพาะในส่วนของเกาหลีใต้” มิจิชิตะ กล่าว พร้อมยกตัวอย่างความพยายามบูรณาการระบบป้องกันขีปนาวุธของแดนโสมและแดนปลาดิบเข้าด้วยกัน

เจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นคนหนึ่ง ก็ยอมรับว่า ความขัดแย้งทางการทูตกับเกาหลีใต้อาจกระทบข้อตกลงทางทหารที่ทั้ง 2 ชาติทำร่วมกัน “เราอาจไม่ได้รับทราบข้อมูลอย่างทันท่วงทีเมื่อเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ... ด้วยระยะทางที่ห่างไกล จึงเป็นการยากที่กองกำลังป้องกันตนเองจะจับตาความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องพึ่งข้อมูลทางทหารจากเกาหลีใต้ หรือสหรัฐฯ”

เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกด้วยว่า การเจรจากับเกาหลีใต้เพื่อขอส่งเครื่องบินของกองกำลังป้องกันตนเองเข้าไปอพยพพลเมืองญี่ปุ่น ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี อาจกลายเป็นเรื่องยากเช่นกัน

รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกเอกอัครราชทูตประจำกรุงโซลกลับประเทศชั่วคราวเมื่อวันที่ 6 ม.ค. หลังจากเกาหลีใต้ปล่อยให้พลเมืองนำรูปปั้นสตรีเพื่อการผ่อนคลายไปวางหน้าสถานกงสุลที่เมืองปูซาน นอกจากนี้ ยังขอระงับการเจรจา “สวอป” ค่าเงิน ซึ่งจะช่วยให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้สามารถนำสกุลเงินท้องถิ่นของตนไปขอแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐจากอีกฝ่าย ตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ตกลงกันไว้

เทศบาลเมืองปูซานตัดสินใจอนุญาตให้นักเคลื่อนไหวนำรูปปั้นมาติดตั้งหน้าสถานกงสุลญี่ปุ่น หลังทราบข่าวรัฐมนตรีกลาโหมปลาดิบ โทโมมิ อินาดะ เดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุกุนิในกรุงโตเกียวเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยศาลเจ้าแห่งนี้ถือเป็นต้นตอความบาดหมางระหว่างญี่ปุ่น กับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไม่เพียงเป็นสถานที่สักการะดวงวิญญาณชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามครั้งต่างๆ แต่ยังเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณนายพลระดับสูงและผู้นำทางการเมืองญี่ปุ่นที่ถูกตราหน้าเป็น “อาชญากรสงคราม” ด้วย

รัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่า การติดตั้งรูปปั้นสตรีเพื่อการผ่อนคลายทั้งที่เมืองปูซาน และสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซล ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงยุติปัญหาทาสกามเมื่อปี 2015 ซึ่งถือเป็น “ฉบับสุดท้าย และเปลี่ยนแปลงแก้ไขอีกไม่ได้” โดยภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ นายกฯ ญี่ปุ่นได้กล่าวขออภัยอย่างเป็นทางการ และยังมอบเงินอีก 1,000 ล้านเยนให้แก่มูลนิธิแห่งหนึ่งเพื่อช่วยเยียวยาสตรีเพื่อการผ่อนคลายชาวเกาหลีที่ยังมีชีวิตอยู่

“หากข้อตกลงระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ถูกทำลาย จะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” มาซาฮิโกะ ชิบายามะ ที่ปรึกษาของ อาเบะ เผยกับรอยเตอร์ พร้อมระบุว่าความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและกลาโหมมีความสำคัญอย่างมากต่อทั้ง 2 ฝ่าย

อาเบะ ได้เตือนให้โซลเคารพข้อตกลงและเคลื่อนย้ายรูปปั้นออกไปจากบริเวณสถานทูตญี่ปุ่นเสีย ทว่า ข้อเรียกร้องนี้อาจเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับรัฐบาลโสมขาว ซึ่งกำลังง่อนแง่นจากคดีทุจริตที่ทำให้ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ถูกรัฐสภาโหวตถอดถอนเมื่อเดือนที่แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า อาเบะ เริ่มแสดงท่าทีขึงขังมากขึ้น หลังถูกกลุ่มชาวญี่ปุ่นหัวอนุรักษนิยมติเตียนที่ไปยอมทำข้อตกลงอ่อนข้อให้แก่เกาหลีใต้

“คณะผู้นำญี่ปุ่นชุดปัจจุบันเป็นหนี้บุญคุณกลุ่มชาตินิยมจัด” แอนดรูว์ ฮอร์วัต อาจารย์รับเชิญชาวต่างประเทศจากมหาวิทยาลัยนานาชาติโจไซ ให้สัมภาษณ์

อย่างไรก็ดี โตเกียวยังไม่ใช้มาตรการตอบโต้ขั้นเด็ดขาดถึงขั้นสั่งถอนทูต และล่าสุดประธานาธิบดีรักษาการเกาหลีใต้ ฮวาง เคียว อันห์ ก็ได้ออกมาขอร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น

“ปมปัญหาเรื่องสตรีเพื่อการผ่อนคลายจะปล่อยให้บานปลายยืดเยื้อไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือร้ายแรงขึ้นทุกวัน” จอน คยอง-มันน์ นักวิเคราะห์จากสถาบันเพื่อการบูรณาการสังคมเกาหลีในกรุงโซล ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น