รอยเตอร์ - ไรน์ซ พรีบัส ว่าที่ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนใหม่ ออกมาแถลงวานนี้ (8 ม.ค.) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ “ยอมรับ” ผลการสอบสวนของหน่วยข่าวกรองที่สรุปว่ารัสเซียลงมือโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในช่วงเลือกตั้ง และอาจมีมาตรการตอบโต้หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเต็มตัว
พรีบัส ระบุว่า ทรัมป์ เชื่อว่ามอสโกอยู่เบื้องหลังการแฮกอีเมลของพรรคเดโมแครตจริง แต่ไม่ได้เอ่ยชัดเจนว่า ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ เห็นด้วยหรือไม่ว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน คือผู้สั่งการ
“ท่านยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากฝีมือบุคคลหรือองค์กรที่มีฐานในรัสเซีย ดังนั้น นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องมาเถียงกัน” พรีบัส ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ฟ็อกซ์นิวส์ ซันเดย์
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมงานระดับอาวุโสของ ทรัมป์ ออกมายืนยันว่าเขา “ยอมรับ” ว่ารัสเซียเป็นผู้บงการแฮกระบบคอมพิวเตอร์ และนำอีเมลภายในของเจ้าหน้าที่พรรคเดโมแครตมาเปิดโปงระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ พยายามคัดค้านข้อสรุปของหน่วยข่าวกรองที่ระบุว่ารัสเซียแฮกเลือกตั้งเพื่อช่วยให้เขาเป็นฝ่ายชนะ ฮิลลารี คลินตัน พร้อมชี้ว่าการเจาะระบบเช่นนี้อาจจะเป็นฝีมือจีน หรือ "แฮกเกอร์หนัก 400 ปอนด์ที่นอนแช่อยู่บนเตียง" ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม คนในพรรครีพับลิกันก็พยายามกดดัน ทรัมป์ ให้ยอมรับมติของประชาคมข่าวกรอง ก่อนจะสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้
รายงานข่าวกรองฉบับ "ไม่ลับ" ที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกล่าวหาชัดเจนว่า ปูติน เป็นผู้สั่งการแทรกแซงเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อบั่นทอนภาพลักษณ์ของ ฮิลลารี คลินตัน และโน้มน้าวให้ชาวอเมริกันหันมาเทคะแนนให้แก่ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวก็สรุปว่า ปฏิบัติการของแฮกเกอร์รัสเซียไม่ได้ส่งผลต่อการนับคะแนน และไม่ระบุว่ามีผลกระทบในแง่อื่นใดอีกหรือไม่
หลังจากฟังรายงานสรุปจากผู้นำข่าวกรองเมื่อวันศุกร์ (6) ทรัมป์ ได้ออกมาแถลงยอมรับว่า “รัสเซีย จีน ประเทศอื่นๆ และกลุ่มบุคคลภายนอก มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะรุกล้ำโครงสร้างทางไซเบอร์ของสถาบันทางการเมือง ภาคธุรกิจ และองค์กรต่างๆ ในสหรัฐฯ รวมไปถึงคณะกรรมการพรรคเดโมแครตแห่งชาติ” แต่เขายังคงปฏิเสธที่จะประณามรัสเซียอย่างเฉพาะเจาะจง
ฌอน สเป็นเซอร์ โฆษกของทรัมป์ ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ข้อสรุปของว่าที่ประธานาธิบดียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนถ้อยแถลงของ พรีบัส ก็สอดคล้องกับสิ่งที่ ทรัมป์ ได้แถลงไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (6)
ผู้เชี่ยวชาญข่าวกรองซึ่งไม่ประสงค์ออกนามชี้ว่า ถ้อยแถลงของ พรีบัส ไม่ได้บ่งบอกเลยว่า ทรัมป์ จะปรับเปลี่ยนนโยบายที่มีต่อรัสเซีย ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งหากสหรัฐฯ จะป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแฮกเกอร์หมีขาวอีกในอนาคต
“หากจะให้ ปูติน ยอมถอย ก็คงต้องมีอะไรมากกว่าสิ่งที่เราได้ยินกันในจอทีวีวันนี้ และอันที่จริงอาจไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำที่จะทำให้ ปูติน ยอมละทิ้งเป้าหมายที่มีอนาคตของตัวเขาเองและรัสเซียเป็นเดิมพัน”
ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมบอกด้วยว่า ปูติน เล่นงานสหรัฐฯ ผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเจาะระบบคอมพิวเตอร์เพื่อล้วงข้อมูล การโฆษณาชวนเชื่อ อิทธิพลทางการเงิน การปล่อยข่าวลวง รวมไปถึงการจารกรรมด้วยวิธีดั้งเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกกระทำอย่างกว้างขวางตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง “และหากในปีนี้ฝรั่งเศส เยอรมนี และประเทศอื่นๆ ไม่เผชิญภัยคุกคามลักษณะนี้เพิ่มขึ้นด้วย ก็คงจะน่าแปลกใจ”
พรีบัส ซึ่งเป็นอดีตประธานคณะกรรมการพรรครีพับลิกันแห่งชาติ ระบุว่า ทรัมป์ เตรียมจะขอให้ประชาคมข่าวกรองเสนอแนะแนวทางที่เขาควรจะทำ
“เราอาจมีมาตรการตอบโต้” พรีบัส กล่าว พร้อมย้ำว่าการพยายามสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับรัสเซียและประเทศอื่นๆ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย