ชาวตุรกีต้องขวัญผวากับเหตุนองเลือดรับปีใหม่ 2017 เมื่อมือปืนจากกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้บุกเข้าไปกราดยิงผู้คนในสถานบันเทิงหรูที่นครอิสตันบูลในคืนขึ้นปีใหม่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 39 ราย ซึ่งถือเป็นการประกาศสงครามกับอังการาที่ได้ส่งทหารบุกขยี้ฐานที่มั่นของนักรบญิฮาดในซีเรีย
เมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี เผยเมื่อวันพุธ (4) ว่า เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวตนของมือปืนที่กราดยิงไนต์คลับ “ไรนา” (Reina) ซึ่งตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสพอรัสฝั่งยุโรปได้แล้ว ทว่ายังไม่ขอเปิดเผยชื่อ ในขณะที่ตำรวจเร่งติดตามล่าตัวคนร้ายเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุซ้ำสอง
ข้อมูลจากตำรวจระบุว่า มือปืนรายนี้โดยสารแท็กซี่มายังจุดเกิดเหตุซึ่งมีนักเที่ยวประมาณ 700 คนกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ จากนั้นจึงชักอาวุธปืนคาลาชนิคอฟออกมายิงใส่ตำรวจและพลเรือนอีก 1 คนตรงประตูทางเข้า ก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปในคลับ และกราดยิงใส่เหยื่อแบบไม่เลือกหน้า
หนังสือพิมพ์ฮูร์ริเย็ตรายงานว่า มือปืนใช้กระสุนไปถึง 4 แม็กกาซีน รวม 120 นัด และมีเพียง 28 นัดเท่านั้นที่พลาดเป้า
หลังทำภารกิจสำเร็จ เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและอาศัยจังหวะชุลมุนหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ
เหยื่อที่เสียชีวิตนั้นเป็นชาวต่างชาติถึง 27 คน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เช่น ฝรั่งเศส อินเดีย เยอรมนี จอร์แดน รัสเซีย แคนาดา เลบานอน ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอล อิรัก ตูนิเซีย และโมร็อกโก
ไนต์คลับแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตออร์ตากอย (Ortaköy) ซึ่งเป็นย่านของผู้มีอันจะกินในอิสตันบูล และเป็นที่รู้กันว่า พนักงานคุมร้านจะอนุญาตให้เฉพาะนักเที่ยวที่แต่งกายดีที่สุดเข้าไปใช้บริการเท่านั้น
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. กลุ่มไอเอสประกาศยืนยันว่าเหตุกราดยิงไนต์คลับตุรกีเป็นฝีมือ “ทหารรัฐคอลีฟะห์” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาออกมาอ้างความรับผิดชอบทันทีต่อเหตุโจมตีในตุรกี ทั้งยังประณามอังการาว่ากำลังทำงานรับใช้ “ชาวคริสต์” ซึ่งน่าจะหมายถึงการไปร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ โจมตีฐานที่มั่นไอเอสทั้งในอิรักและซีเรีย
แม้ตุรกีจะสนับสนุนฝ่ายกบฏที่ต้องการโค่นล้มประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้ส่งทหารเข้าไปในเขตแดนซีเรียตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว เพื่อโจมตีทั้งพวกไอเอสและนักรบเคิร์ด นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรสหรัฐฯ เข้าไปใช้ฐานทัพของตนในการส่งเครื่องบินออกไปถล่มไอเอสในซีเรีย
หนังสือพิมพ์ฮูร์ริเย็ต ระบุว่า หน่วยข่าวกรองตุรกีเชื่อว่ามือปืนน่าจะเป็นน่าจะเป็นชาวคีร์กีซสถานหรือไม่ก็อุซเบกิสถาน และอาจเป็นกลุ่มเดียวกับที่กราดยิงและใช้ระเบิดฆ่าตัวตายถล่มสนามบินอตาเติร์กเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 47 ราย
ทางการคีร์กีซสถานได้ควบคุมตัว ลาเค มัคราปอฟ (Lakhe Machrapov) พลเมืองวัย 28 ปี ซึ่งเพิ่งจะเดินทางออกจากนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. แต่จากสอบปากคำไม่พบพฤติกรรมต้องสงสัยจึงได้ปล่อยตัวไป
ตำรวจตุรกีได้เผยแพร่ภาพชายต้องสงสัยขณะกำลังถ่ายเซลฟีบริเวณจตุรัสตักซิมในนครอิสตันบูล รวมถึงภาพที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ในคืนเกิดเหตุ โดยเชื่อว่าชายคนนี้น่าจะเคยเดินทางไปร่วมสู้รบกับไอเอสในซีเรีย และมีความชำนาญในการใช้อาวุธอย่างสูง
ทั้งนี้ มีรายงานว่ามือปืนที่กราดยิงไนต์คลับไรนาเคยไปเช่าแฟลตแห่งหนึ่งที่เมืองคอนยา (Konya) ทางตอนกลางของตุรกี ก่อนจะย้ายไปยังอิสตันบูลเพื่อลงมือก่อเหตุ
สำนักข่าวอนาโดลูรายงานว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 คนในเมืองอิซมีร์ (Izmir) ที่อาจมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมือปืน โดยรวมถึง 3 ครอบครัวที่เดินทางมาจากเอเชียกลางและซีเรีย และบางคนเคยอาศัยอยู่ในแฟลตที่มือปืนได้เช่าไว้ที่เมืองคอนยา
เชื่อมโยง “อุยกูร์”?
มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ฮาเบอร์เติร์กเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่า หลังก่อเหตุมือปืนได้เรียกแท็กซี่ไปส่งที่ภัตตาคารอุยกูร์แห่งหนึ่งในเขตเซตินบูร์นู (Zeytinburnu) โดยเขาได้ลงจากรถและเดินเข้าไปในร้านเพื่อขอเงินจากใครคนหนึ่งเอามาจ่ายค่ารถ
เจ้าของภัตตาคารเปิดเผยว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวพนักงานในร้านไปแล้ว 7 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวอุยกูร์จากมณฑลซินเจียง ทว่าตัวเขาเองไม่ทราบว่ามือปืนเป็นใคร
ตุรกีต้องเผชิญเหตุวุ่นวายต่อเนื่องตลอดปี 2016 ทั้งการก่อวินาศกรรมตามเมืองใหญ่ๆ เช่น อิสตันบูลและอังการาที่ไอเอสและกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดออกมาอ้างความรับผิดชอบ รวมถึงความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ซึ่งประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน เชื่อว่าเป็นแผนของ เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาชาวตุรกีซึ่งลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงอังการาก็ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบจ่อยิงเผาขนกลางนิทรรศการภาพถ่าย โดยคนร้ายอ้างว่าต้องการแก้แค้นที่มอสโกส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดถล่มกบฏซีเรียในเมืองอะเลปโป
ล่าสุด รัฐสภาตุรกีได้มีมติขยายภาวะฉุกเฉินซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่หลังเกิดรัฐประหารออกไปอีก 3 เดือน จนถึงวันที่ 19 เม.ย.
นักวิเคราะห์มองว่า การกระทำของกลุ่มไอเอสครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร้าวฉานระหว่างพลเมืองมุสลิมเคร่งจารีต กับมุสลิมสายกลางที่สนับสนุนการเป็นรัฐทางโลก ซึ่งตรงกับคำแถลงของประธานาธิบดี แอร์โดอัน ที่ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเหตุโจมตีไนต์คลับเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธ (4)
“เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน นั่นคือการสร้างความแตกแยก และแบ่งคนในสังคมออกเป็นฝักฝ่าย... แต่เราจะต้องยืนหยัดและไม่หวั่นไหว”
“การโจมตีลักษณะนี้มีจุดประสงค์เพื่อยั่วยุให้เราใช้อารมณ์นำเหตุผล... แต่ถึงพวกเราจะเจ็บปวดเพียงใด นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เราจะยอมพ่ายแพ้”