รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - คนร้ายก่อเหตุระเบิดโจมตีมหาวิหารใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ของชาวคริสเตียนนิกายคอปติกเมื่อวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 25 ราย และบาดเจ็บ 39 คน โดยเหยื่อจำนวนมากเป็นผู้หญิงและเด็กๆ ซึ่งกำลังเข้าร่วมพิธีมิสซาบูชาวันอาทิตย์ นับเป็นเหตุการณ์โจมตีครั้งนองเลือดที่สุดซึ่งเกิดขึ้นกับชนกลุ่มน้อยชาวคริสต์ของอียิปต์ในรอบระยะเวลาหลายๆ ปี
เหตุโจมตีคราวนี้เกิดขึ้นขณะประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ เปิดศึกปราบปรามการก่อความไม่สงบของพวกอิสลามิสต์ในบริเวณตอนเหนือของแหลมซีนาย ซึ่งนำโดยสาขาในแดนไอยคุปต์ของกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งกลุ่มนี้ยังได้เปิดการโจมตีที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในกรุงไคโร อีกทั้งเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนพวกเขาก่อการโจมตีทั่วโลกในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังๆ มานี้ ซึ่งที่มั่นสำคัญของไอเอสทั้งในอิรักและซีเรียกำลังถูกรุกคืบชิงคืน
เฉพาะหน้านี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ ทว่าพวกผู้สนับสนุนไอเอสได้ออกมาแสดงความชื่นชมยินดีต่อการโจมตีคราวนี้ทางสื่อสังคม
เหตุระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นที่โบสถ์เล็กที่มีชื่อว่าโบสถ์เซนต์ปีเตอร์และเซนต์ปอล ซึ่งอยู่ติดต่อกับโถงใหญ่ของมหาวิหารเซนต์มาร์ก อันเป็นมหาวิหารใหญ่ที่สุดในเขตมหานครไคโรซึ่งมีประชากร 20 ล้านคน และตามปกติแล้วมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด การระเบิดคราวนี้ทำให้บริเวณพื้นและแถวที่นั่งของสาธุชนในโบสถ์เล็กเกลื่อนไปด้วยเศษสิ่งหักพัง, ฝุ่นผง, และรอยคราบเลือดเหนียวเหนอะ
“ทันทีที่บาทหลวงเรียกพวกเราให้เตรียมพร้อมสำหรับพิธีบูชา เหตุระเบิดก็เกิดขึ้นมา” อีมัด ชูครี ผู้ซึ่งอยู่ภายในโบสถ์เล็กขณะเกิดเหตุระเบิด เล่าเหตุการณ์ให้รอยเตอร์ฟัง
“แรงระเบิดทำให้ทั่วทั้งบริเวณเหมือนถูกจับเขย่า … ฝุ่นฟุ้งปกคลุมทั่วทั้งโบสถ์ ผมพยายามมองหาประตูทางออก ถึงแม้ผมมองไม่เห็นอะไรเลย … ผมพยายามผละออกมาท่ามกลางเสียงกรีดร้อง และมีคนจำนวนมากถูกโยนไปกองที่พื้น”
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงหลายรายเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นที่เป็นเด็กมีอย่างน้อย 6 ราย โดยที่การระเบิดเกิดขึ้นทางฝั่งของโบสถ์ซึ่งปกติแล้วเป็นที่นั่งของฝ่ายผู้หญิง
พวกเขาบอกด้วยว่าระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุคราวนี้ประกอบด้วยดินระเบิดทีเอ็นทีอย่างน้อย 12 กิโลกรัม ตำรวจกำลังสอบสวนคำกล่าวอ้างของพยานหลายคนที่ระบุว่าระเบิดถูกซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าถือของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งได้นำเอามาวางไว้ที่พื้นของโบสถ์ จากนั้นก็เดินออกไป
ตำรวจและยานหุ้มเกราะหลายคันได้รีบไปถึงพื้นที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้ประท้วงหลายสิบคนชุมนุมกันอยู่ด้านนอกของมหาวิหารแห่งนี้ ส่งเสียงเรียกร้องให้แก้แค้น และเกิดการต่อสู้ตะลุมบอนกับตำรวจ
ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ มหาวิหารแห่งนี้ตะโกนว่า “ฆ่ามัน ฆ่าพวกผู้ก่อการร้าย จะรออะไรอีก … ทำไมปล่อยให้พวกมันระเบิดบ้านของพวกเรา?”
ถึงแม้ชาวคริสต์นิกายคอปติกของอียิปต์แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นพวกที่สนับสนุนรัฐบาล ทว่าฝูงชนที่โกรธแค้นเหล่านี้ก็หันมาระบายความเดือดดาลใส่ซิซี โดยบอกว่ารัฐบาลของเขาล้มเหลวไม่ได้ปกป้องคุ้มครองพวกเขา
ทางด้านสำนักประธานาธิบดีได้ออกคำแถลงประณามการโจมตีคราวนี้ว่าเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย พร้อมกับประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน มหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักแห่งการศึกษาเรียนรู้ศาสนาอิสลามของอียิปต์ ก็ประณามการโจมตีคราวนี้เช่นกัน
ชาวคริสต์นิกายคอปติกมีจำนวนคิดเป็นประมาณ 10% ของประชากรชาวอียิปต์ 90 ล้านคน และถือเป็นชุมชนชาวคริสต์ขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง