เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – ในวันจันทร์(28 พ.ย)ที่ผ่านมา เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ลงนามข้อตกลงเจรจาแลกดินแดนสำเร็จ เพื่อแก้ปัญหาเบลเยียมมีดินแดนติ่ง 2 แห่งคือ Presqu’île de L’llal และ Presqu’île d’Eijsden ในดินแดนเนเธอร์แลนด์เรียบตลิ่งแม่น้ำมาส (Maas) ถึงแม้เบลเยียมจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และได้ดินแดนน้อยกว่าราว 5 เฮกเตอร์ เมื่อเทียบกับเนเธอร์แลนด์ที่ได้ไป 25 เฮกเตอร์ แต่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเบลเยียมแสดงความยินดีในความสำเร็จ
ดิอินดีเพนเดนต์ หนังสือพิมพ์อังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(29 พ.ย)ว่า เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งด้านพรมแดนที่มีมายาวนานร่วมร้อยปีสำเร็จอย่างราบรื่นและไม่ต้องมีการจับอาวุธ
โดยในวันจันทร์(28 พ.ย)รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามข้อตกลงแลกดินแดนบริเวณที่ติดแม่น้ำมาส(Maas) ซึ่งเป็นหลักแดนตามธรรมชาติกั้นระหว่างเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และในช่วงยุคปี 1960 เพื่อประโยชน์ทางคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ทำให้ดินแดน 2 แห่งของเบลเยียมคือ Presqu’île de L’llal และ Presqu’île d’Eijsden ต้องอยู่ในฝั่งเนเธอร์แลนด์ไป
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากความพยายามในการเจรจาร่วมกันมานานหลายปี และประสบความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ข้อตกลงแลกดินแดนครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นนั้น เนเธอร์แลนด์จะได้พื้นที่จากเบลเยียมไปราว 25 เฮกเตอร์ แต่ในทางกลับกัน เบลเยียมจะได้ดินแดนในส่วนของเนเธอร์แลนด์มาเพียง 5 เฮกเตอร์เท่านั้น
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียมดิดิเยร์ เรนเดอร์ส(Didier Reynders) ได้กล่าวให้ความเห็นในข้อตกลงแลกดินแดนครั้งนี้ว่า ข้อตกลงล่าสุดนี้เป็นเครื่องยินยันว่า การแก้ไขปัญหาพรมแดนสามารถกระทำได้อย่างสันติเช่นกัน
ซึ่งปัญหาที่ทำให้ดินแดน Presqu’île de L’llal และ Presqu’île d’Eijsden ของเบลเยียมนั้นเกิดปัญหาต่อรัฐบาลเบลเยียม หลังพบว่า ดินแดนเหล่านี้ถูกทิ้งให้กลายเป็นดินแดนที่ไร้อำนาจการควบคุมจากกฎหมาย และทำให้เป็นแหล่งของการค้าประเวณีและยาเสพติด เนื่องมาจากอัมสเตอร์ดัมไม่สามารถส่งตำรวจของตัวเองเข้าไปได้ ในขณะที่ในส่วนของบรัสเซลส์นั้น เป็นการยากสำหรับตำรวจเบลเยียมที่จะเดินทางเข้าไป เนื่องจากต้องขออนุญาตพิเศษจากทางฝั่งเนเธอร์แลดน์เพื่อเข้าไปยังดินแดนของตัวเอง
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า เส้นพรมแดนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2018 หลังจากที่ทั้ง2 ชาติได้ให้รัฐสภาของตัวเองลงมติสนับสนุนแล้ว
