เอเอฟพี - หน่วยงานด้านความมั่นคงภายในของเยอรมนีออกมายืนยันวานนี้ (29 พ.ย.) ว่ามีพนักงานคนหนึ่งต้องสงสัยเป็น “อิสลามิสต์” หลังสื่อเมืองเบียร์เปิดโปงว่าบุคคลคนนี้มีแผนลอบวางระเบิดสำนักงานใหญ่ขององค์กรดังกล่าว
“สำนักงานเพื่อการปกป้องแห่งรัฐธรรมนูญเยอรมนี (BfV) ตรวจสอบพบว่า มีผู้ร่วมงานคนหนึ่งของเราต้องสงสัยเป็นอิสลามิสต์” คำแถลงของหน่วยงานแห่งนี้ระบุ ซึ่งเป็นการยืนยันข้อมูลของนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ แดร์ ชปีเกล และหนังสือพิมพ์รายวัน ดี เวลต์ ที่เผยแพร่ไปก่อนหน้า
สื่อทั้งสองสำนักระบุว่า ชายชาวเยอรมันวัย 51 ปีซึ่งถูกจับในข้อหาเผยแพร่ “ข้อมูลอ่อนไหว” ลงสื่อออนไลน์ มีแผนลอบวางระเบิดสำนักงานใหญ่ของ BfV ในเมืองโคโลญ ทางภาคตะวันตกของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่าเขามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) หรือไม่
โฆษกหญิงของ BfV ได้ให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า พนักงานวัย 51 ปีซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ “เคยใช้นามแฝงโพสต์ข้อความที่สะท้อนแนวคิดแบบอิสลามิสต์ลงสื่อออนไลน์ และนำข้อมูลภายในขององค์กรไปเปิดเผย”
เธอระบุด้วยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกออกหมายจับและตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้แล้ว แต่ไม่ขอยืนยันว่าเขามีแผนก่อวินาศกรรมจริงหรือไม่ เนื่องจาก “ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าสำนักงานหรือพนักงานของเราตกอยู่ในอันตราย”
อัยการกำลังเตรียมยื่นฟ้องชายคนนี้ในข้อหา “ตระเตรียมกระทำการอันเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐ”
ทั้ง แดร์ ชปีเกล และ ดี เวลต์ รายงานตรงกันว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้เปลี่ยนไปนับถืออิสลามเมื่อปี 2014 เขาแต่งงาน-มีบุตรแล้ว และเคยทำงานกับธนาคารแห่งหนึ่ง
ตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา ชายผู้นี้ได้ทำหน้าที่รวบรวมข่าวกรองให้แก่ BfV เกี่ยวกับแหล่งกบดานของอิสลามิสต์ในเยอรมนี
สื่อทั้งสองสำนักระบุว่า ผู้ต้องสงสัยยอมรับสารภาพบางส่วน โดยอ้างถึงแผนลอบวางระเบิดที่จะกระทำ “ในนามของอัลเลาะห์”
เขาใช้นามแฝงหลายอย่างในโลกออนไลน์ และว่ากันว่ามีการนำข้อมูลลับของ BfV ไปเผยแพร่ในห้องสนทนาด้วย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เพิ่งจะถูกเปิดเผยเมื่อราวๆ 1 เดือนก่อน
เยอรมนียังไม่เคยเผชิญเหตุการณ์ก่อการร้ายรุนแรงเหมือนเช่นที่กรุงบรัสเซลส์ หรือปารีส แต่ถึงกระนั้นก็เคยมีพวกสุดโต่งก่อเหตุโจมตีขนาดย่อมๆ และอีกหลายกรณีที่หน่วยงานความมั่นคงสามารถป้องกันไว้ได้ทัน