รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดี เอ็นริเก เปนญา เนียโต แห่งเม็กซิโก ระบุพร้อมทำงานกับโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อสานสัมพันธ์ทวิภาคี และทั้งสองชาติจะเดินหน้ากระชับพันธะแห่งความร่วมมือและเคารพกันและกัน อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีต่างประเทศแดนจังโก้กร้าวไม่มีทางออกเงินสร้างกำแพงตามแนวชายแดนอเมริกาตามคำหาเสียงของมหาเศรษฐีนิวยอร์ก ขณะที่นิรโทษกรรมสากลเรียกร้องตัวแทนรีพับลิกันยึดมั่นต่อสิทธิมนุษยชน
เปนญา เนียโต ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อกรณีที่ให้การต้อนรับนายทรัมป์ในเม็กซิโกระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง หลังตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้เรียกคนเข้าเมืองชาวเม็กซิกันว่าเป็นพวกนักข่มขืน และประกาศจะสร้างกำแพงกั้นระหว่างสองชาติ
“เม็กซิโกและสหรัฐฯ คือเพื่อน คู่หู และพันธมิตร เราควรรักษาความร่วมมือเพื่อการแข่งขันและการพัฒนาของอเมริกาเหนือ” เปนญา เนียโต ระบุบนบัญชีทวิตเตอร์
ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นแม้นายทรัมป์เคยบอกเขาจะฉีกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ซึ่งช่วยเพิ่มการค้าระหว่างเม็กซิโก สหรัฐฯ และแคนาดา โดยอ้างว่ามันทำลายการจ้างงานในสหรัฐฯ
ระหว่างการหาเสียงนายทรัมป์ยังเคยประกาศด้วยว่าเขาจะสร้างกำแพงชายแดนขนาดมหึมากั้นระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก เพื่อสกัดผู้อพยพผิดกฎหมาย โดยให้เม็กซิโกเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม นางเคลาเดีย รูอิซ มาซิเอ รัฐมนตรีต่างประเทศของเม็กซิโกระบุในวันพุธ (9 พ.ย.) หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่ารัฐบาลของเขาจะไม่จ่ายค่าก่อสร้างกำแพงตามแนวชายแดนอเมริกา ตามที่นายทรัมป์เคยให้สัญญาไว้ระหว่างหาเสียง “การจ่ายเงินสำหรับกำแพงไม่ใช่วิสัยทิศน์ของเรา”
ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลในวันพุธ (9 พ.ย.) เรียกร้องว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัญญาว่าจะยึดมั่นในสิทธิมนุษยชน และวิจารณ์โวหารอันร้ายกาจของเขา ตามหลังผู้สมัครจากรีพับลิกันได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง
“ทรัมป์ก่อความกังวลใหญ่หลวงต่อความเข้มแข็งในพันธสัญญาที่เราจะได้เห็นจากสหรัฐฯ ในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในอนาคต” ซาลิล เชตตี เลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุ “เขาต้องทิ้งมันไว้เบื้องหลัง สหรัฐฯ ต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามพันธสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนของพวกเขา ทั้งภายในประเทศและต่างแดน”
ส่วนมาร์กาเร็ธ หวง ผู้อำนวยการบริหารขององค์การนิโทษกรรมสากลประจำสหรัฐฯ วิจารณ์โวหารพิษที่ก่อความปั่นป่วนระหว่างการหาเสียงของนายทรัมป์ “โวหารเหล่านี้ไม่อาจและไม่ควรกลายเป็นนโยบายของรัฐบาล คำพูดรังเกียจคนต่างด้าว เหยียดเพศและแสดงถึงความเกลียดชังอื่นๆ ของนายทรัมป์ ไม่ควรมีอยู่ในรัฐบาล”
ระหว่างการหาเสียงยาวนานกว่า 2 ปี ที่กระตุกโครงสร้างประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มหาเศรษฐีวัย 70 ปีรายนี้ให้สัญญาเนรเทศคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ