เอเจนซีส์ / MGR online - ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในรัสเซียที่จัดทำขึ้นโดยศูนย์วิจัยอิสระ “เลวาดา เซ็นเตอร์” ระบุ 48 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียในเวลานี้มีความกังวลว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3”
ผลสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อคืนวันจันทร์ (31 ต.ค.) ระบุว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ปะทุขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2011 และเป็นสงครามที่มหาอำนาจอย่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา เข้า “ถือหาง” คู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้ามกัน กล่าวคือ รัสเซีย รวมถึงอิหร่าน มีจุดยืนหนุนหลังระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ในขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบียประกาศให้การสนับสนุนฝ่ายกบฏ มีโอกาสลุกลามบานปลายจนกลายเป็นมหาสงครามโลกครั้งใหม่
ผลสำรวจล่าสุดที่พบว่า 48 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซียในเวลานี้ มีความกังวลว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียอาจลุกลามบานปลายจนกลายเป็น “สงครามโลกครั้งที่ 3” นั้น ถือว่าเป็นตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นจากผลการสำรวจด้วยคำถามเดียวกันนี้ของเมื่อปีที่แล้วที่ในเวลานั้นมีชาวรัสเซียเพียง 29 เปอร์เซ็นต์ที่มีความกังวลในเรื่องนี้
ผลสำรวจครั้งนี้ยังระบุว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของสาธารณชนในแดนหมีขาวเวลานี้ให้การสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ และมาตรการทางทหารอื่นๆ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินนำไปใช้ในซีเรีย ขณะที่อีก 26 เปอร์เซ็นต์คัดค้านในเรื่องนี้
ผลสำรวจล่าสุดยังพบข้อมูลว่า 49 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างชาวรัสเซีย เห็นด้วยที่รัฐบาลของตนจะมีบทบาทในสงครามกลางเมืองซีเรียต่อไป ขณะที่อีก 28 เปอร์เซ็นต์คัดค้าน
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับซีเรียตั้งแต่เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 1944 ในสมัยอดีตสหภาพโซเวียต โดยรัฐบาลมอสโกถือเป็นชาติแรกๆของโลกที่ให้การรับรองต่อซีเรีย ภายหลังจากที่ซีเรียเป็นเอกราชหลุดพ้นจากการเป็นดินแดนในปกครองของฝรั่งเศสเมื่อปี 1946 ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะลงนามในข้อตกลงเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 1980 ยังไม่นับรวมกับข้อตกลงซึ่งนำไปสู่การตั้งฐานทัพเรือของโซเวียตที่เมืองตาร์ตุสของซีเรียเมื่อปี 1971 ซึ่งยังคงใช้งานจนถึงปัจจุบัน
ขณะที่รัฐบาลรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางอากาศต่อฝ่ายกบฏในซีเรีย ตามคำร้องขอของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2015 และว่ากันว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียนี้ กลายเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่ช่วยให้ระบอบอัสซาดกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2011