เอเจนซีส์ - รัสเซียออกแถลงการณ์โต้ล่าสุดเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการโจมตีทางอากาศเหนือท้องฟ้าโรงเรียใน จ.อิดลิบ พื้นที่ในการควบคุมของกบฏซีเรีย และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 36 คน รวมไปถึงเด็กชาวซีเรียอีก 22 คน หลังจากในวันเดียวกันทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุ “เชื่อ รัสเซียหรือซีเรียอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางอากาศโรงเรียนซีเรีย”
อัลญะซีเราะห์ สื่อกาตาร์ รายงานเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ว่า มาเรีย ซาคาโรวา (Maria Zakharova) โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียแถลงในวันพฤหัสบดี (27) ว่า “สหพันธรัฐรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโศกนาฏกรรมเนื่องมาจากการโจมตีครั้งนี้” พร้อมยังเสริมต่อว่า ทางรัสเซียเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเร่งด่วน
ในการแถลง ซาคาโรวาชี้ว่า “ข้อกล่าวหาที่อ้างว่า เครื่องบินรบรัสเซียและเครื่องบินรบซีเรียได้ทำการโจมตีทางอากาศเหนือท้องฟ้าจังหวัดอิดลิบในวันพุธนั่นเป็นสิ่งที่โกหก”
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การโจมตีในวันพุธ (26 ต.ค.) เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งและบริเวณโดยรอบใน จ.อิดลิบซึ่งอยู่ในการควบคุมของกลุ่มกบฎซีเรีย และผลจากการโจมตีทางอากาศ ทำให้มีเหยื่อเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตจำนวน 22 คน และครูอีก 6 คน UNICEF แถลง และทำให้ผู้อำนวยการ UNICEF แอนโทนี เลค (Anthony Lake) ออกมาประณามในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “นี่เป็นโศกนาฏกรรม นี่เป็นสิ่งที่เกินกว่าเหตุ และหากว่าเป็นการกระทำอย่างจงใจ นี่เป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม”
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนซีเรีย UNICEF ที่มีฐานอยู่ในอังกฤษได้แถลงว่า “มีเครื่องบินรบ ที่อาจเป็นของกองทัพรัสเซีย หรือกองทัพซีเรีย ได้ออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ 6 ครั้ง” สอดคล้องกับแถลงการณ์จากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ที่ได้ออกมาระบุว่า คาดว่าผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีโรงเรียนอิดลิบที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลรัสเซียหรือรัฐบาลซีเรีย
“ในขณะนี้ทางเรายังไม่ทราบว่าเครื่องบินรบที่ออกปฏิบัติการทางอากาศนั้นเป็นของรัฐบาลซีเรีย หรือเป็นเครื่องบินรบรัสเซีย แต่ทางสหรัฐฯ เชื่อว่าเครื่องบินดังกล่าวต้องเป็นของหนึ่งในสองประเทศนี้แน่นอน” รายงานจากแถลงการณ์ จอช เอิร์นเนส โฆษกทำเนียบขาว
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “และถึงแม้ว่ารัฐบาลซีเรียเป็นผุ้รับปิดชอบต่อเหตุโจมตีทางอากาศ แต่ทว่ารัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด เป็นเพียงอยู่ในฐานะเป็นผู้ออกปฏิบัติการเหล่านั้น ที่ล้วนแล้วแต่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย”
ปูตินได้กล่าวเมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) ว่า รัสเซียไม่มีทางเลือก แต่จำเป็นต้องกำจัดรังของผู้ก่อการร้ายออกจากเมืองอาเลปโป ถึงแม้จะปรากฏว่าจะยังมีพลเรือนอาศัยอยู่ภายในก็ตาม โดยทางผู้นำรัสเซียอ้างว่า การสูญเสียชีวิตพลเมืองจากสงครามนั้นเกิดขึ้นทุกแห่ง และเป็นสิ่งที่ควรไว้อาลัย ไม่ใช่เฉพาะแค่ในเมืองอะเลปโป โดยทางประธานาธิบดีรัสเซียได้โยงไปถึงการเสียชีวิตของพลเรือนที่เกิดขึ้นบริเวณรอบเมืองโมซุล ซึ่งมีปฏิบัติการยึดเมืองโมซุลคืนจากกลุ่มก่อการร้าย IS ที่นำโดยกองกำลังท้องถิ่นและมีสหรัฐฯเป็นพันธมิตรสนับสนุน อัลญะซีเราะห์รายงาน
ด้านรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) ระบุว่า เครื่องบินรบรัสเซียและซีเรียไม่ได้เข้าโจมตีทางอากาศเมืองอะเลปโปในช่วง 9 วันที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวทางการซีเรีย ได้รายงานเมื่อวานนี้ (27) ว่า มีเด็กจำนวนอย่างน้อย 6 รายถูกสังหาร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 15 คนจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธกบฏซีเรียจำนวน 2 ลูกยังบริเวณพื้นที่ควบคุมของรัฐบาลซีเรียในทางตะวันตกของเมืองอาเลปโป
โดยสำนักข่าวซานาระบุว่า มีจรวดลูกหนึ่งได้โจมตีไปที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตชาห์บา (Shahba) ทำให้เด็กจำนวน 3 รายต้องเสียชีวิต และอีก 14 คนได้รับบาดเจ็บ และในการรายงานยังกล่าวต่อว่า ส่วนจรวดลูกที่ 2 ได้ยิงโจมตีไปที่บ้านหลังหนึ่งในเขตฮัมดานิเยห์ (Hamdaniyeh) ทำให้พี่น้องชาย 3 คนเสียชีวิต และคนที่ 4 ได้รับบาดเจ็บ
แต่อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มกบฏซีเรียยังไม่ออกมาตอบโต้ในประเด็นนี้
อัลญะซีเราะห์รายงานต่อว่า และในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) มีผู้เสียชีวิต 8 รายในการโจมตีของรัฐบาลซีเรียในเขตโดมา (Douma) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกบฏซีเรีย ในกรุงดามัสกัส หน่วยงานสังเกตการณ์ซีเรียแถลง