มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันกลับมาปิดบวกอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) หลังความหวังข้อตกลงลดกำลังผลิตฟื้นคืน ส่วนวอลล์สตรีทลดลงตามแรงฉุดหุ้นต่างๆ ที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อันเนื่องจากความไม่แน่นอนในกรอบเวลาการปรับขึ้นของเฟด และปัจจัยนี้เองที่ดันให้ทองคำดีดขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 54 เซ็นต์ ปิดที่ 49.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 49 เซ็นต์ ปิดที่ 50.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) เหล่ารัฐมนตรีพลังงานจากชาติในอ่าวเปอร์เซียของโอเปก ในนั้นรวมถึงซาอุดีอาระเบีย บอกกับรัสเซียว่าทางกลุ่มมีความตั้งใจลดกำลังผลิตลง 4 เปอร์เซ็นต์ จากกำลังผลิตสูงสุดของพวกเขา
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังการทรุดลงของภาคสินค้าฟุ่มเฟือย และหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย กลบการเคลื่อนไหวทางในบวกของกลุ่มประกันสุขภาพ
ดาวโจนส์ ลดลง 29.65 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,169.68 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.39 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,133.04 จุด แนสแดค ลดลง 34.29 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,215.97 จุด
จนถึงตอนนี้ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทต่างๆ ในเอสแอนด์พี 500 ออกมาดีเกินคาดหมายเป็นส่วนใหญ่ ส่อเป็นไตรมาสเป็นที่การเติบโตด้านผลกำไรเป็นครั้งงแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2015
อย่างไรก็ตาม วอลล์สตรีทถูกฉุดโดยหุ้นของภาคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ และปัจจัยนี้เองที่ทำให้นักลงทุนหันหาสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ พร้อมดันทองคำปรับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,269.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล