เอเจนซีส์ – เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในค่ายลี้ภัยกาเลส์ ฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในระหว่างปฎิบัติการรื้อถอนเป็นเวลา 3 วันซึ่งได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ เชื่อเป็นการจงใจก่อเหตุวางเพลิง แต่ยังในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลัง และมีรายงานว่า หน่วยดับเพลิงเมืองกาเลส์เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุล่าช้า
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(26 ต.ค)ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ทั่วบริเวณของค่ายผู้ลี้ภัยกาเลส์ ที่รู้จักในนาม “เดอะ จังเกิล” ซึ่งมาถึงล่าสุดนี้ยังไม่ทราบตัวการผู้ที่จุดไฟหลายกองในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันพุธ(26 ต.ค)
โดยปฎิบัติการรื้อถอนของฝรั่งเศสได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์(24 ต.ค)ที่ผ่านมา แต่ต้องหยุดชะงักลง และกลับมาดำเนินการต่อในวันอังคาร(25 ต.ค) RT สื่อรัสเซีย ชี้ โดพบว่าในช่วงกลางคืนวันจันทร์(24 ต.ค)มีการปะทะเกิดขึ้นระหว่างผู้อพยพค่ายกาเลส์และตำรวจปราบจลาจลฝรั่งเศส
และพบว่ามีผู้อพยพบางส่วนต่อต้านไม่ยอมเข้าแถวเพื่อขึ้นรถโคชของทางการฝรั่งเส และพยายามที่จะกระโดดจากรั้วกั้นถนนไฮเวย์ไปกับรถที่วิ่งอยู่ แต่ตำรวจฝรั่งเศสได้ผลักดันคนกลุ่มนี้กลับเข้าไป ซึ่งพบว่าตั้งแต่วันจันทร์(24 ต.ค) ฝรั่งเศสสามารถนำตัวผู้อพยพค่ายกาเลส์จำนวน 4,000 คนจากทั้งหมด 7,000 คน ส่งตัวขึ้นรถโคชย้ายออกไปอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงทั่วฝรั่งเศสสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เมืองกาเลส์ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่ออังกฤษว่า คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสจะสามารถเสร็จสิ้นปฎิบัติการอพยพผู้ลี้ภัยออกจากค่ายผู้อพยพแห่งนี้ได้ทั้งหมดในวันนี้(26 ต.ค)
ด้านผู้สื่อข่าวบีบีซีที่รายงานมาจากค่ายผู้ลี้ภัยกาเลส์กล่าวว่า กระท่อมถูกจุดไฟเผาจนราบในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา บนถนนที่จะนำไปสู่ค่ายกาเลส์แห่งนี้ ซึ่งทางบีบีซีเชื่อว่า อาจจะเป็นการแสดงการต่อต้านจากกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อาศัยในค่ายกาเลส์ที่ไม่ต้องการย้ายออก และไม่อยากเห็นเพิงที่อาศัยของพวกเขาต้องถูกรื้อจนราบจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส
นอกจากนี้ยังพบว่า มีสิ่งปลูกสร้างที่ถูกใช้เป็นร้านค้าภายในค่าย รวมไปถึงรถเมล์อังกฤษที่ถูกใช้โดยหน่วยงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือสตรีและเด็กถูกจุดไฟเผาด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวบีบีซีในพื้นที่รายงานต่อว่า เสียงดังระเบิดจากถังแก๊สระเบิด ซึ่ง RT สื่อรัสเซียรายงานว่า ในวิดีโอคลิปที่ถ่ายได้ พบการระเบิดเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการระเบิดของถังแก๊สโพรเพน และมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเข้ามายังจุดเกิดเหตุเพิ่มมากขึ้น
โดยผู้สื่อข่าว RT ในที่เกิดเหตุระบุว่า ตำรวจฝรั่งเศสได้ปิดทางที่จะไปสู่ค่ายกาเลส์ เพื่อเปิดทางให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเดินทางเข้าไปได้ และยังกล่าวต่อว่า การเข้าไปยังค่ายกาเลส์ในเวลากลางคืนถือเป็นเรื่องที่อันตราย โดยผู้อพยพที่อาศัยอยู่ภายในได้เตือนออกมา
ด้านฟาบีนน์ บิวโช(Fabienne Buccio) ซึ่งทำหน้าที่จัดการตำรวจเมืองกาเลส์ ความั่นคง และรวมไปถึงนโยบายของเมือง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ BFMTV ว่า “เป็นธรรมเนียมของกลุ่มผู้ลี้ภัยที่จะทำการเผาค่ายที่พักของตัวเองก่อนย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่ใหม่”
แต่ทว่าผู้บัญชาการตำรวจเมืองกาเลส์เปิดเผยว่า เขาได้รับรายงานจากบรรดาผู้ลี้ภัยว่า ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำของบรรดากลุ่มนักเคลื่อนไหว
โดยหนึ่งในผู้ลี้ภัยค่ายกาเลส์ มาห์มูด อัล-ซาเลห์(Mahmoud al-Saleh) ได้เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า “มีฟไหม้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา และทุกครั้งที่มีไฟถูกดับลง จะมีจุดอื่นลุกติดขึ้นมาแทนที่ ซึ่งเป็นการกระทำอย่างจงใจอย่างชัดเจน”
และนอกจากนี้อัล-ซาเลห์ยังกล่าวต่อว่า “นักดับเพลิงฝรั่งเศสยังมาถึงที่เกิดเหตุล่าช้า และพวกเราที่ทั้งในส่วนของผู้อพยพ และอาสาสมัครต้องดับไฟกันตามลำพังเป็นเวลานาน”
ด้านโดโรธี แซง( Dorothy Sang) จากหน่วยงานเอ็นจีโอ Save The Children ได้เปิดเผยกับบีบีซีว่า “เราทราบมาว่ามีเด็กจำนวนหลายร้อยคนนอนหลับอยู่ภายในค่ายกาเลส์แห่งนี้เมื่อคืนนี้ในบริเวณใต้สะพานในขณะที่มีเพลิงกำลังเผาผลาญรอบตัวพวกเขา ”
และกล่าวต่อว่า “เรารู้ว่า มีคนจำนวนมากได้วิ่งหนี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมากต่อเด็ก”
บีบีซีรายงานต่อว่า ในวันนี้(26 ต.ค)มีผู้อพยพจำนวนมากยืนรอในแถวเพื่อเตรียมขึ้นรถโคชเดินทางออกจากค่ายกาเลส์ ในขณะที่ทางทีมฝรั่งเศสที่อยู่ในชุดสีส้มสะท้อนแสงและหมวกนิรภัยสีขาวได้เริ่มต้นการรื้อถอนค่ายผู้อพยพด้วยค้อนปอนด์เมื่อวานนี้(25 ต.ค) ซึ่งเป็นการทำงานที่ใช้มือเป็นหลัก และเงียบเชียบเพราะทางฝรั่งเศสเชื่อว่า หากส่งรถบูลโดเซอร์เข้าไปอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดไปยังผู้อพยพ
ซึ่งพบว่าภายในวันอังคาร(25 ต.ค)มีผู้อพยพจำนวน 3,000 คนถูกย้ายออกไป ในขณะที่มีผู้ลีภัยเด็กจำนวน 1,000 คนได้ถูกส่งไปยังที่พักตูคอนเทนเนอร์ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับค่ายกาเลส์
ทั้งนี้มีการเกรงว่า จะมีกลุ่มผู้ลี้ภัยย้อนกลับมาตั้งแคมป์ใหม่อีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการรื้อถอน และในปฎิบิบัติการรื้อถอน ทางการฝรั่งเศสได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศส 1,200 นายเข้าร่วมปฎิบัติการ