xs
xsm
sm
md
lg

แฉ BBC ตัดต่อวิดีโอสถานการณ์เที่ยวไทย หลัง “รัชกาลที่ ๙” สวรรคต โดนชาวเน็ตรุมกระหน่ำลบทิ้งดื้อๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพของสำนักข่าวเอพีที่เผยให้เห็นแหล่งท่องเที่ยวนานา พลาซา ปิดทำการชั่วคราวตามหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว
เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์ - สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เหล่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยเข้าไปรุมกระหน่ำบีบีซี ทรี หลังตัดต่อวิดีโอเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ ตามหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยกล่าวหาสื่อมวลชนแห่งนี้นำเสนอข้อมูลหลอกลวงและไม่ถูกต้อง ขณะที่สำนักข่าวดังกล่าวทนเสียงด่าไม่ไหว ลบวิดีโอออกจากหน้าเพจข่าว แต่ทำนิ่งไม่ยอมชี้แจงเหตุผลใดๆ

ในวิดีโอความยาวเกือบ 2 นาที ซึ่งมีเป้าหมายแนะนำนักท่องเที่ยวถึงแนวทางประพฤติตัวอย่างเหมาะสมในขณะที่ประเทศไทยกำลังเศร้าโศกต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างไรก็ตาม มันถูกถอดพ้นหน้าเฟซบุ๊กบีบีซีนิวส์หลังถูกรุมวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด

เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์รายงานอ้างสื่อมวลชนท้องถิ่นระบุว่า เหล่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่ถูกต้องของวิดีโอสั้นๆ ดังกล่าวที่ใช้ชื่อว่า “Off to Thailand? It won’t be what you expect” ที่ให้ภาพมืดมัวแก่ประเทศ ซึ่งเป็นที่นิยมด้านแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนและปาร์ตี้ริมชายหาด เช่นเดียวกับสถานที่ดึงดูดใจอื่นๆ

แม้รัฐบาลไทยกำหนดช่วงเวลาไว้ทุกข์สำหรับภาครัฐเป็นเวลา 1 ปี เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์อ้างผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ของไทยระบุว่า คำแนะนำที่อยู่ในวิดีโอตัดต่อของบีบีซีอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสับสนและไม่มาเยือนไทย ขณะที่ประเทศแห่งนี้ต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว

รายงานของเอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์ระบุว่า ข้อเท็จจริงคือ แม้ประเทศตกอยู่ในความโศกเศร้า แต่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้ตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจต่างๆ ยังคงเปิดบริการตามปกติ ตามหลังวันเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศดำดิ่งไปมากกว่านี้

เบื้องต้นพบว่าวิดีโอดังกล่าวถูกอัปโหลดขึ้นหน้าเพจเฟซบุ๊กของบีบีซี ทรี ในวันที่ 14 ตุลาคม และมีผู้เข้าชมมากกว่า 2.3 ล้านครั้ง อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวแห่งนี้ได้ลบวิดีโอนี้ออกไปในวันจันทร์ (17 ต.ค.) โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ แต่เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์เชื่อว่าคงเป็นเพราะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนคนไทยนั่นเอง

ในฉากหลังที่เป็นพื้นที่จัดงานฟูลมูนปาร์ตี้บนเกาะพะงัน วิดีโอดังกลาวเริ่มต้นด้วยคำพูดว่าที่ “ประเทศไทยเคยเป็นที่ที่สนุก แต่หากคุณต้องการไปละก็ บางทีมันอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด”

วิดีโอดังกล่าวบ่งชี้ว่า การออกไปเที่ยวตอนกลางคืนอาจเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย โดยมีการจำกัดการเข้าถึงบาร์ ร้านอาหาร และแหล่งชอปปิ้งต่างๆ พร้อมระบุว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หาซื้อได้ยาก และนักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ดูรายการทีวีช่องต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์อ้างข้อมูลจากผู้ใช้สื่อออนไลน์ของไทย รวมถึงคำสัมภาษณ์ของชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยว บอกว่า แท้จริงแล้วสถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น

เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์อ้างคำสัมภาษณ์ของ มาร์ค คันดัลล์ ซึ่งพำนักอยู่ในภูเก็ต เล่าว่า “ตอนนี้ 7-11 กลับมาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว และบาร์ต่างๆ ก็สามารถเปิดบริการได้ตลอดเวลา มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก แม้ฮาร์ฟมูนและฟูลมูนปาร์ตี้ได้ถูกยกเลิก แต่โรงแรมและบาร์ก็ยังเปิดและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเล่นดนตรี เพียงแต่มีการลดความรื่นเริงลงเท่านั้น”

ไทยประกาศว่ายังเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงระหว่างการไว้ทุกข์ แต่ขณะเดียวกันก็ได้ออกคำแนะนำถึงนักท่องเที่ยวให้ใส่ใจเกี่ยวกับการแต่งตัวและแสดงพฤติกรรมอย่างเหมาะสม เอเชียนคอร์เรสปอนเดนต์รายงาน

ในคำแนะนำที่โพสต์บนเว็บไซต์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ยังเปิดบริการตามปกติ ยกเว้นวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง พร้อมระบุว่า นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามอย่างคนไทยในการแต่งชุดสีดำหรือสีขาว หรือติดสัญลักษณ์แห่งการไว้ทุกข์ แต่แนะนำให้พยายามสวมเสื้อผ้าสีเข้มที่แสดงถึงความเคารพ “นักท่องเที่ยวควรละเว้นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่เคารพ”

คำแนะนำยังแจ้งถึงนักท่องเที่ยวด้วยว่า รัฐบาลทหารของไทยได้ขอความร่วมมือจากสถานบันเทิง อย่างบาร์ และไนต์คลับ ให้พิจารณาความเหมาะสมสำหรับเปิดกิจการในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยกให้เป็นการพิจารณาโดยผู้บริหารของสถานบันเทิงแต่ละแห่งเอง ซึ่งนั่นหมายความว่า สถานบันเทิงมากมายในไทยอาจเลือกปิดบริการเป็นเวลานานพอสมควรในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.)


กำลังโหลดความคิดเห็น