xs
xsm
sm
md
lg

ใช่หรือไม่ว่าสหรัฐฯกำลังสนับสนุน 'นักรบอิสลามิสต์ต่อต้านจีน'ที่ปฏิบัติการอยู่ในซีเรีย?

เผยแพร่:   โดย: คริสตินา ลิน

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Is the US supporting anti-Chinese militants in Syria?
By CHRISTINA LIN
28/09/2016

การที่พวกเหยี่ยวคลั่งสงครามในสหรัฐฯ, ตุรกี, กาตาร์, และซาอุดีอาระเบีย ต่างติดอาวุธและต่างให้เงินทุนสนับสนุนพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ต่อต้านจีนในซีเรีย ซึ่งกำลังวางแผนการเพิ่มการโจมตีสถานเอกอัครราชทูตแห่งต่างๆ ของจีนตลอดจนผลประโยชน์ต่างๆ ในต่างประเทศของจีน ขณะเดียวกันนั้น สหรัฐฯก็ยังดำเนินนโยบายการทูตแบบเรือปืนในทะเลจีนใต้ควบคู่ไปด้วย การผสมผสานกันของ “การป้องปรามมังกรร้าย” อันน่ากลัวอันตรายนี้ มีความเสี่ยงที่จะพลิกผันเปลี่ยนไปเป็นสถานการณ์แห่ง “การยั่วยุมังกรร้าย” และอาจจะจุดชนวนให้เกิดการสู้รบขัดแย้งทางทหารระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์ 2 รายนี้ก็ได้

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม มือระเบิดฆ่าตัวตายชาวอุยกูร์ผู้หนึ่งได้บุกเข้าโจมตีสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำคาซัคสถาน ตามรายงานของหน่วยงานความมั่นคง จีเคเอ็นบี (GKNB) ของทางการกรุงบิชเคก การปฏิบัติการโจมตีแบบก่อการร้ายคราวนี้เป็นการสั่งการจาก พรรคอิสลามิกเตอร์กิสถาน (Turkistan Islamic Party ใช้อักษรย่อว่า TIP ซึ่งเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า East Turkestan Islamic Movement และใช้อักษรย่อว่า ETIM) สาขาที่อยู่ในซีเรีย, โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกลุ่ม อัล-นุสรา (al Nusra) [1] ซึ่งเปลี่ยนแบรนด์เนมของตนเสียใหม่เป็น จับบัต ฟาตะห์ อัล-ชาม (Jabhat Fatah al-Sham ใช้อักษรย่อว่า JFS), ได้รับความร่วมมือประสานงานจากตุรกี, และออกปฏิบัติการโดยสมาชิกคนหนึ่งของ TIP [2]

เหตุระเบิดคราวนี้สาธิตให้เห็นว่า ถึงแม้จีนกับบรรดารัฐในแถบเอเชียกลางมีการร่วมมือกันอย่างกระฉับกระเฉง ทว่ากลุ่มนักรบอิสลามิสต์ชาวจีนอุยกูร์ที่ตั้งฐานอยู่ในซีเรีย โดยปัจจุบันฝังตัวกันอยู่ในพื้นที่แถบจังหวัดอิบลิบ (Idlib governorate) ก็ยังคงสามารถออกปฏิบัติการได้อย่างประสบความสำเร็จ และยังคงเป็นช่องทางในการรับส่งเงินทุนและผู้คนในอาณาบริเวณยูเรเชีย

นอกจากนั้นมันยังเปิดเผยให้เห็นว่า จังหวัดอิบลิบของซีเรีย กำลังก้าวเข้ามาแทนที่ อาณาบริเวณเทือกเขาโตราโบรา (Tora Bora) ในอัฟกานิสถานต่อเนื่องจนถึงเขตพื้นที่ชนพื้นเมืองที่ส่วนกลางบริหาร (Federally Administered Tribal Areas หรือ FATA) ของปากีสถาน ในการเป็นกองบัญชาการสำหรับกลุ่มนักรบญิฮาดกลุ่มต่างๆ ทั่วโลก

ตั้งแต่ตอนที่ พรรคอิสลามิกเตอร์กิสถาน (TIP) ยังมีที่มั่นหลักๆ อยู่ในเขตพื้นที่ชนพื้นเมืองที่ส่วนกลางบริหาร (FATA) ของปากีสถานแล้ว ทางการจีนก็ได้แสดงความวิตกกังวลต่อความผูกพันใกล้ชิดที่ TIP มีอยู่กับกลุ่มอัลกออิดะห์ และการที่อัลกออิดะห์กำลังถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นขบวนการของชาวจีนเตอร์กิสถาน (Chinese “Turkistan-ization) [3] เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้ว อับดุล ฮัก อัล-เตอร์กิสถาน (Abdul Haq al Turkistan) หัวหน้าของ TIP ก็ได้รับการฝึกอบรมจากอัลกออิดะห์ในเขต FATA แล้วหลังจากนั้นก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกคนหนึ่งของ มัจลิส-อี-ชูระ (majlis-e-shura) หรือสภาผู้บริหารของอัลกออิดะห์ในปี 2005

ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาในเวลาต่อมาคือ อับดุล ชาคูร์ เตอร์กิสตานี (Abdul Shakoor Turkistani)[4] ชาวจีนอุยกูร์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องที่เขามีความสัมพันธ์ฉันมิตรสนิทสนมกับกลุ่มตอลิบานสำคัญๆ ในเขตวาซิริสถาน (Waziristan) ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้าที่อุซามะห์ บิน ลาดิน จะถูกสังหาร กลุ่มอัลกออิดะห์ได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของกองกำลังของกลุ่มในปากีสถาน รวมทั้งเป็นผู้ดูแลค่ายฝึกต่างๆ ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศนั้นด้วย

หลังจากสงครามซีเรียระเบิดขึ้นแล้ว พวกนักรบอิสลามิสต์ TIP ในพื้นที่ชายแดนติดต่อระหว่างอัฟกานิสถานกับปากีสถาน ได้เริ่มโยกย้ายเข้าไปอยู่ในซีเรียเพื่อทำสงครามญิฮาด พร้อมๆ กับที่มีกระแสของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์อพยพหลบหนีออกมาจากซินเจียง (ซินเกียง) มากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงปี 2014 และ 2015 ผู้ลี้ภัยเหล่านี้จำนวนมากอยู่ในอาการสิ้นหวังและถูกฉวยใช้เอาเป็นประโยชน์จากพวกนักระดมหาสมัครพรรคพวกไปเป็นนักรบญิฮาดในเมืองอิสตันบูลและเมืองไกเซรี (Kayseri) ของตุรกี คนเหล่านี้เกลี้ยกล่อมโน้มน้าวพวกผู้ลี้ภัยให้ไปสู้รบทำสงครามศาสนาในซีเรียและอิรัก ปัจจุบันนี้ทั้ง TIP และอัลกออิดะห์ ต่างได้เคลื่อนย้าย [5] การปฏิบัติการสำคัญๆ ของพวกตนออกจากอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน มาอยู่ที่ซีเรียเป็นส่วนใหญ่แล้ว

อิบลิดของซีเรียกลายเป็น “โตราโบรา” แห่งใหม่สำหรับสงครามญิฮาดทั่วโลก

ในเดือนเมษายน 2015 TIP, อัล-นุสรา, อาห์ระร์ อัล-ชาม (Ahrar al Sham), และฝ่ายต่างๆ หลายหลากภายใน “กองทัพชาวซีเรียเสรี” (Free Syrian Army) ได้รวมตัวกันจัดตั้ง “กองทัพแห่งชัยชนะ” (Army of Conquest ภาษาอาหรับใช้ว่า ไจช์ อัล-ฟาตะห์ Jaish al-Fatah)(i) ขึ้นมา และเข้ายึดครองจังหวัดอิบลิบเอาไว้ จังหวัดนี้นี่เองที่ อัล-นุสรา [6] กำลังพยายามที่จะจัดตั้งรัฐเจ้าอาหรับอิสลามิสต์ (Islamic emirate) ขึ้นมาในเวลานี้ โดยไม่สนใจใยดีกับการที่ได้สู้อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อตกแต่งโฉมของตนเองเสียใหม่ยังไม่ทันจะกี่เดือน

ตามข้อเขียนของ ชาร์ลส์ ลิสเตอร์ (Charles Lister) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยประจำอยู่ที่ศูนย์บรูกกิ้งส์โดฮา (Brookings Doha Center) และมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกฝ่ายค้านซีเรีย (ซึ่งก็คือพวกกบฏกลุ่มต่างๆ ในซีเรีย) เขาระบุว่า การที่สามารถเปิดการรุกในอิบลิบได้นั้น เป็นเพราะมีการวางแผนอยู่นานถึง 8 เดือน เพื่อเข้ายึดและเปลี่ยนแปลงจังหวัดนี้ให้กลายเป็นพื้นที่หลักในการยึดครองของฝ่ายค้านชาวซีเรีย ทั้งนี้มีการร่วมมือประสานงานกับ “ห้องยุทธการ” (operations room) ซึ่งนำโดยสหรัฐฯ[7] ในภาคใต้ของตุรกี และ “ห้องยุทธการ” นี้ก็ได้สนับสนุนส่งเสริมให้ “กลุ่มต่างๆ ที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันแล้ว” (vetted groups พวกกลุ่มกบฏในซีเรียที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯว่าไม่ใช่กลุ่มนักรบอิสลามิสต์สุดโต่ง) หันไปร่วมมืออย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับพวกอิสลามิสต์ ในการปฏิบัติการตามแนวรบภาคสนาม ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯยังได้เพิ่มระดับของความช่วยเหลือและการจัดหาข่าวกรองให้แก่ฝ่ายกบฏต่อต้านรัฐบาลซีเรียยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนักอีกด้วย

พวกหัวหน้านักรบหลายต่อหลายคนที่เข้าร่วมการปฏิบัติการในจังหวัดอิบลิบ ยังเล่าให้ลิสเตอร์ฟังว่า พวกห้องยุทธการนานาชาติที่มีอยู่หลายๆ แห่งเหล่านี้ เมื่อก่อนเคยเรียกร้องตั้งเงื่อนไขให้กลุ่มที่รับความช่วยเหลือทางทหารจากพวกเขา ต้องยุติการร่วมมือประสานงานโดยตรงกับพวกกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่งอย่างเช่น อัล-นุสรา ทว่าการรุกใหญ่ในอิบลิบได้กลายเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ซึ่งในทางเป็นจริงแล้วได้กลายเป็นตัวเร่งรัดให้พวกเขาเพิ่มความร่วมมือประสานงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับกลุ่มนักรบญิฮาดต่างๆ ที่อยู่ใน “ กองทัพแห่งชัยชนะ” (Army of Conquest) โดยแรงกดดันให้เร่งร่วมมือดังกล่าวนี้ มีทั้งที่มาจากตุรกี, ซาอุดีอาระเบีย, และกาตาร์

เรื่องนี้เองน่าที่จะช่วยอธิบายว่าทำไมในระหว่างการทำข้อตกลงหยุดยิง (ซึ่งล้มเหลวไปแล้ว) เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ของสหรัฐฯ จึงได้เรียกร้องต่อกองทัพอากาศรัสเซียและกองทัพอากาศซีเรีย อย่าได้ทิ้งระเบิดถล่มใส่ที่มั่นต่างๆ ของอัล-นุสรา ในจังหวัดอิบลิดและในจังหวัดอะเลปโป

แท้ที่จริงแล้วเมื่อปี 2015 พล.อ.เดวิด เพเทรอัส (David Petraeus)(ii) ก็ได้เคยออกมาเรียกร้องให้สนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ [8], [9], [10] ในฐานะที่เป็นทรัพย์สินซึ่งสามารถใช้สอยทั้งเพื่อการต่อต้านกลุ่มไอเอส และทั้งเพื่อการต่อต้านกองทัพรัฐบาลซีเรีย

จากข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ บางทีน่าจะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่รายงานข่าวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ภาษาเยอรมัน Kölner Stadtanzeiger เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2016 [11]โดยในรายงานชิ้นนี้ หัวหน้านักรบของอัล-นุสราผู้หนึ่งได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า จรวดต่อสู้รถถังของอเมริกันแบบ TOW เป็นอาวุธ “ที่ถูกส่งมาให้เราโดยตรง” ไม่ใช่อ้อมผ่านมาทาง “กองทัพชาวซีเรียเสรี” (Free Syrian Army) แต่อย่างใด ทั้งนี้ มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า TIP มีความใกล้ชิดโยงใยอยู่กับอัล-นุสรา และ TIP ก็ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอแสดงให้การใช้จรวด TOW ของสหรัฐฯ [12] ในการสู้รบทำสงครามของพวกเขาในซีเรีย

หัวหน้านักรบอัล-นุสราผู้นี้กล่าวว่า ตอนแรกทีเดียวสหรัฐฯเหมารวมอัล-นุสราให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับกับไอเอส ทว่าในตอนนี้ “พวกอเมริกันอยู่กับฝ่ายเราแล้ว” และกำลังให้ความช่วยเหลือในเรื่อง “การใช้ดาวเทียม, จรวด, งานตรวจการณ์สอดแนม, กล้องตรวจการณ์จับภาพโดยอาศัยคลื่นความร้อน” เพื่อช่วยโค่นล้มรัฐบาลซีเรียชุดปัจจุบัน [13], [14] ที่ถึงอย่างไรก็เป็นรัฐบาลแบบรัฐฆราวาส ซึ่งมุ่งแยกศาสนาออกจากการเมือง คำให้สัมภาษณ์ของเขายังสอดคล้องและเสมือนเป็นเสียงก้องสะท้อนของบทความในปี 2015 ของลิสเตอร์ ในเรื่องที่ห้องยุทธการซึ่งนำโดยสหรัฐฯกำลังเพิ่มความช่วยเหลือและจัดหาข่าวกรองให้แก่ “กองทัพแห่งชัยชนะ”

ด้วยการสนับสนุนจากสหรัฐฯและพวกพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั้งกลุ่ม TIP, อัล-นุสรา, และ อาห์ระร์ อัล-ชาม ภายใน “กองทัพแห่งชัยชนะ” ก็ได้พิสูจน์ตัวให้เห็นว่าเป็นนักรบทรงประสิทธิภาพในการต่อสู้เล่นงานกองทัพซีเรียในการปฏิบัติการรุกหลายๆ ครั้งทั้งในจังหวัดฮอมส์ (Homs), จังหวัดฮามา (Hama), และจังหวัดอะเลปโป ในเดือนพฤษภาคม 2016 พวกเขาสามารถยึดครองหมู่บ้านคาห์น ตูมาน (Kahn Touman) ทางตอนใต้ของอะเลปโปเอาไว้ได้

ในเวลาต่อมา มีคลิปวิดีโอหลายๆ คลิป [15] ถูกนำออกเผยแพร่ แสดงให้เห็นพวกสมาชิกของกลุ่ม “หมวกเหล็กสีขาว” (White Helmet) [16] กับทหารหนุ่มชาวซีเรียที่ถูกจับตัวเอาไว้ 2 คนที่คานห์ ตูมาน โดยที่มีการพูดจาเย้ยหยันกันว่า “อัสซาด, รัสเซีย, อิหร่าน, หรือจีน พวกมันแข็งแรงกว่าพระเจ้าหรือ?” ทหาร 2 คนนี้ได้ถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมาโดยฝีมือของพวกนักรบกลุ่ม TIP

ด้วยหลักฐานต่างๆ ประเภทเหล่านี้ที่บ่งชี้ให้เห็นว่า สหรัฐฯ, ตุรกี, ชาวซาอุดีอาระเบีย, และชาวกาตาร์ กำลังสนับสนุนและกำลังติดอาวุธให้แก่พวกนักรบอิสลามิสต์หัวรุนแรง ซึ่งจะเปิดการโจมตีจีนและรัสเซีย นี่เองน่าที่จะเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งซึ่งทำให้รัสเซียตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การวิวาทบาดหมางคราวนี้และให้ความสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในเดือนตุลาคม 2015 จากนั้นมาถึงตอนนี้ก็เป็นรอบของจีน ซึ่งได้เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2016

จีนเพิ่มความแข็งแกร่งในทัศนคติด้านความมั่นคงต่างประเทศ

เมื่ออยู่ในสภาพที่ต้องเผชิญกับการก่อความรุนแรงของชาวอุยกูร์ซึ่งมีฝ่ายตะวันตกช่วยโหมกระพืออยู่ อีกทั้งปัญหานี้ยังมีลักษณะกลายเป็นความรุนแรงชนิดข้ามชาติไปแล้วด้วย จีนจึงกำลังปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านความมั่นคงต่างประเทศของตน และกำลังแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายไม่แทรกแซง (non-interference) ที่ปักกิ่งยึดมั่นมายาวนาน ในวันที่ 14 สิงหาคม จีนกับซีเรียได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับ [17] เพื่อยกระดับสายสัมพันธ์ทางทหารระหว่างกัน ไม่กี่วันหลังจากที่ปักกิ่งทำข้อตกลงอีกฉบับหนึ่งที่ลงนามกันเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งมุ่งเพิ่มพูนความร่วมมือกันในการต่อต้านการก่อการร้าย ระหว่างจีน, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, และทาจิกิสถาน นอกจากนั้นจีนยังได้จัดทำข้อตกลงทางทหารหลายฉบับกับอัฟกานิสถานแล้วด้วย ในเรื่องเกี่ยวกับการติดอาวุธและการฝึกอบรมกองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถานเพื่อต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปักกิ่งยังกำลังแสวงหาความช่วยเหลือจากคาบูลและอิสลามาบัดในเรื่องการสู้รบปราบปราม TIP และกลุ่มที่อยู่ในเครือข่ายอัลกออิดะห์กลุ่มอื่นๆ ภายในอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน ภายหลังจากที่กองกำลังสนับสนุนด้านความมั่นคงนานาชาติ (International Security Assistance Force หรือ ISAF) ที่นำโดยองค์การนาโต้ ยุติการปฏิบัติการของพวกเขาแล้ว

ปักกิ่งยังมีความระแวงสงสัยว่าเจตนารมณ์ของสหรัฐฯในซีเรียนั้นไม่ใช่เพื่อการต่อต้านการก่อการร้ายแต่อย่างใด ความข้องใจเช่นนี้ได้รับการหนุนเสริมจากงานเขียนทางทหารของสหรัฐฯเอง เป็นต้นว่า ในบทความชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ในวารสาร “โพรซีดดิ้ง” (Proceeding magazine) ของสถาบันนาวีสหรัฐฯ (US Naval Institute) และใช้ชื่อเรื่องว่า “Deterring the Dragon” (การป้องปรามมังกรร้าย)[18] ผู้เขียนซึ่งเป็นนาวาโทแห่งกองทัพเรืออเมริกันที่เกษียณอายุแล้ว ได้เสนอให้ส่งกำลังทหารปฏิบัติการพิเศษเข้าไปติดอาวุธให้แก่พวกชนกลุ่มน้อยที่หัวแข็งควบคุมยากของจีนทั้งในซินเจียงและในทิเบต ในเวลาที่จีนกำลังโซซัดโซเซจากการเกิดเหตุโจมตีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของพวกผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ ผู้เขียนคนนี้ยังเสนอให้วางทุ่นระเบิดโจมตีใต้น้ำตามแนวชายฝั่งของจีนบริเวณประชิดติดกับเมืองท่าแห่งสำคัญๆ ของจีน ตลอดจนทำลายสายการสื่อสารทางทะเลต่างๆ ของแดนมังกรอีกด้วย

ตอนนี้ จากการที่พวกเหยี่ยวคลั่งสงครามในสหรัฐฯ, ตุรกี, กาตาร์, และซาอุดีอาระเบีย ต่างติดอาวุธและต่างให้เงินทุนสนับสนุนพวกหัวรุนแรงอิสลามิสต์ต่อต้านจีนในซีเรีย ซึ่งกำลังวางแผนการเพิ่มการโจมตีสถานเอกอัครราชทูตแห่งต่างๆ ของจีนตลอดจนผลประโยชน์ต่างๆ ในต่างประเทศของจีน ขณะเดียวกันนั้น สหรัฐฯก็ยังดำเนินนโยบายการทูตแบบเรือปืน (gunboat diplomacy) ในทะเลจีนใต้ควบคู่ไปด้วย การผสมผสานกันของ “การป้องปรามมังกรร้าย” อันน่ากลัวอันตรายนี้ จึงมีความเสี่ยงที่จะพลิกผันเปลี่ยนไปเป็นสถานการณ์แห่ง “การยั่วยุมังกรร้าย” (provoking the dragon) และอาจจะเพิ่มระดับขึ้นไปเป็นการสู้รบขัดแย้งทางทหารระหว่างมหาอำนาจนิวเคลียร์ 2 รายนี้ก็ได้

หมายเหตุผู้เขียน

[1] http://www.reuters.com/article/us-kyrgyzstan-blast-china-idUSKCN11C1DK

[2]http://www.guancha.cn/Neighbors/2016_09_06_373642.shtml

[3]https://jamestown.org/program/how-pakistans-unstable-tribal-areas-threaten-chinas-core-interests/#.V-aIrjtllmA

[4]http://www.longwarjournal.org/archives/2014/05/turkistan_islamic_party_target.php

[5]http://www.nytimes.com/2016/05/16/world/middleeast/al-qaeda-turns-to-syria-with-a-plan-to-challenge-isis.html?_r=0

[6]http://www.nytimes.com/2016/05/16/world/middleeast/al-qaeda-turns-to-syria-with-a-plan-to-challenge-isis.html?_r=0

[7]https://www.brookings.edu/opinions/why-assad-is-losing/

[8]https://www.theguardian.com/commentisfree/2015/sep/02/david-petraeus-bright-idea-give-terrorists-weapons-to-beat-isis

[9]http://www.thetimes.co.uk/tto/news/world/middleeast/article4545775.ece

[10]http://www.thedailybeast.com/articles/2015/08/31/petraeus-use-al-qaeda-fighters-to-beat-isis.html

[11]http://www.ksta.de/politik/interview-mit-al-nusra-kommandeur--die-amerikaner-stehen-auf-unserer-seite--24802176

[12]http://www.longwarjournal.org/archives/2015/12/turkistan-islamic-party-claims-using-us-made-anti-tank-missile-in-northwest-syria.php

[13]http://www.moonofalabama.org/2016/09/todenh%C3%B6fer-interview-with-al-nusra-commander-the-americans-stand-on-our-side.html

[14]https://www.youtube.com/watch?v=8K6zqSTSp6g

[15]https://twitter.com/theLemniscat/status/779010281368346624

[16] มีข้อเขียนที่น่าสนใจเกี่ยวกับกลุ่มนี้ ดูรายละเอียดได้ที่
http://21stcenturywire.com/2016/06/21/who-are-the-syria-white-helmets/

[17]http://english.chinamil.com.cn/news-channels/2016-08/04/content_7191537.htm

[18]http://www.usni.org/magazines/proceedings/2014-02/deterring-dragon-under-sea

ดร.คริสตินา ลิน เป็นนักวิจัยอยู่ที่ ศูนย์เพื่อความสัมพันธ์สองฟากฝั่งแอตแลนติก (Center for Transatlantic Relations) วิทยาลัยการระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูงพอล เอช. นิทซ์ (SAIS) มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) โดยเธอเป็นผู้ชำนาญการในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ตะวันออก กลาง/เมดิเตอร์เรเนียน เธอยังเป็นที่ปรึกษาด้านการวิจัยให้แก่ ศูนย์เจนส์ด้านข่าวกรองทางเคมี, ชีวภาพ, รังสี, และนิวเคลียร์ (Jane’s Chemical, Biological, Radiological, and Nuclear Intelligence Centre) ณ บริษัทวิจัย ไอเอสเอส เจนส์ (IHS Jane’s)

(ความคิดเห็นที่ปรากฏในข้อเขียนนี้เป็นของผู้เขียนเอง ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการสะท้อนทัศนะของเอเชียไทมส์)

หมายเหตุผู้แปล

(i) “กองทัพแห่งชัยชนะ” (อาร์มี ออฟ คองเกวสต์ Army of Conquest) เป็นกลุ่มพันธมิตรเพื่อการปฏิบัติการทางทหารในสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งประกาศจัดตั้งขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2015 สมาชิกในกลุ่มพันธมิตรนี้เป็นกลุ่มกบฏอิสลามิสต์ซีเรียจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวกที่เคลื่อนไหวคึกคักอยู่ในจังหวัดอิดลิบ แต่ก็มีบางกลุ่มเคลื่อนไหวคึกคักในจังหวัดฮามา (Hama) และจังหวัดลาตาเกีย “กองทัพแห่งชัยชนะ” สามารถยึดเมืองอิดลิบ เมืองเอกของจังหวัดอิดลิบ ได้ในวันที่ 28 มีนาคม 2015 จากนั้นในเดือนถัดๆ มาก็เป็นหัวหอกเปิดการรุกโจมตีซึ่งขับไล่กองกำลังรัฐบาลอัสซาดออกไปจากจังหวัดนี้จนเกือบหมดสิ้น หลังจากความสำเร็จนี้แล้ว ได้มีการจัดตั้งสาขาของ “กองทัพแห่งชัยชนะ” เพิ่มขึ้นในส่วนอื่นๆ ของซีเรีย
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดใน “กองทัพแห่งชัยชนะ” คือ อาห์ระร์ อัล-ชาม (Ahrar al Sham)กลุ่มอิสลามิสต์สำคัญอื่นๆ ซึ่งมีบทบาทสูงในการวางแผนทางยุทธการ ได้แก่ อัล-นุสรา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ในซีเรีย และ กองกำลังผสมแห่งชาม (Sham Legion) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิมแห่งซีเรีย (Muslim Brotherhood of Syria) อย่างไรก็ตาม การกำหนดแผนยุทธการนั้นมีการร่วมมือกับกลุ่มต่างๆ ที่เป็นพวกสายกลาง อย่างเช่น กลุ่ม “อัศวินแห่งกองกำลังยุติธรรม” (Knights of Justice Brigade)
(ข้อมูลจาก Wikipedia)

(ii) พล.อ.เดวิด เพเทรอัส (David Petraeus) อดีตผู้บัญชาการของกองบัญชาการทหารส่วนกลางของสหรัฐฯ (United States Central Command หรือ CENTCOM) ซึ่งดูแลรับผิดชอบทหารอเมริกันทั้งในอิรัก ซีเรียและ อัฟกานิสถาน รวมทั้งในเวลาต่อมายังได้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (US Central Intelligence Agency หรือ CIA) ด้วย ก่อนที่จะต้องพ้นตำแหน่งไปด้วยเรื่องอื้อฉาว กระนั้นเขาก็ยังคงมีบทบาทปากเสียงอยู่ในแวดวงชนชั้นปกครองวอชิงตัน



กำลังโหลดความคิดเห็น