เอเอฟพี/รอยเตอร์ - สื่อนอกอย่างเอเอฟพี และรอยเตอร์ รายงานข่าวเรื่องที่ประชาชนไทยพากันแต่งชุดดำเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยที่เอเอฟพีชี้ว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่ผ่านๆ มาชาวไทยพากันแต่งสีเหลือง เมื่อพระองค์ทรงพระประชวรพวกเขาก็แต่งสีชมพู และเวลานี้เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต ถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนไปอยู่ในโทนสีเดียว ซึ่งเป็นการแสดงออกอย่างพิเศษสุดของความโศกเศร้าที่มีอยู่ร่วมกัน
รายงานข่าวของเอเอฟพีบอกว่า ไทยเป็นประเทศที่เอนเอียงไปทางข้างให้ความสำคัญกับเรื่องสัญลักษณ์เป็นอย่างมาก และพสกนิกรชาวไทยก็ได้แสดงความจงรักภักดีถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยผ่านเครื่องแต่งกายมาเป็นเวลานานแล้ว เป็นต้นว่า ในทุกๆ วันจันทร์มีผู้คนจำนวนมากในกรุงเทพฯ พากันแต่งกายด้วยชุดสีเหลือง เนื่องจากเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ
สีชมพูกลายเป็นสีที่ประชาชนชาวไทยไม่น้อยเลือกเป็นสีสำหรับแต่งกายในวันท้ายๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ยังทรงเจริญพระชนม์ เพราะเชื่อกันว่าสีนี้จะทำให้พระองค์ทรงโชคดีในขณะที่พระสุขภาพของพระองค์กำลังแย่ลง
ทว่า นับตั้งแต่ที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว พสกนิกรแทบทั้งหมดในประเทศ ซึ่งตกอยู่ในอาการช็อกนี้ ก็พากันแต่งกายชุดดำเพื่อแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยที่มีผู้คนจำนวนเป็นหมื่นๆ คนหลั่งไหลออกมายังท้องถนนเพื่อแสดงความจงรักภักดีและแสดงความอาลัย
เอเอฟพีบอกว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกๆ คนได้รับคำสั่งให้งดการใช้เครื่องแต่งกายสีสันสดใสเป็นเวลา 1 ปีเต็ม และธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากก็กำลังบอกให้ลูกจ้างพนักงานแต่งชุดดำเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน
เรื่องนี้ส่งผลให้บรรดานักชอปเร่งรีบออกมาควานหาซื้อเสื้อผ้าสีดำกันจากแผงข้างถนนและศูนย์การค้าหรูหรา โดยที่ผู้ค้าเหล่านี้ก็แสดงความฉับไวในการเปลี่ยนถ่ายสต๊อกของพวกเขาเอาไว้ต้อนรับ โดยที่ในบางร้านถึงขนาดเปลี่ยนหุ่นโชว์ของพวกเขาด้วยซ้ำ
สำนักข่าวรอยเตอร์ไปสัมภาษณ์ สงกรานต์ ตันโสนัน (Songkhan Tansonan) ซึ่งเปิดแผงขายริมถนนข้างๆ คลองที่ส่งกลิ่นเหม็นบริเวณด้านนอกของตลาดโบ๊เบ๊ในกรุงเทพฯ เธอเล่าว่า เวลานี้ใครๆ ก็พากันมาหาซื้อชุดดำกันทั้งนั้น ทำให้เมื่อวันศุกร์ (14) เธอขายไปได้ 400 ตัว ส่วนในวันเสาร์ (15) แค่ครึ่งวันก็ขายได้อีก 200 ตัว
“ฉันซื้อมาจากคนขายส่งในราคาตัวละ 90 บาท แล้วเอาขายตัวละ 120 ถึง 130 บาท” เธอเล่า
ขณะที่เอเอฟพีไปสัมภาษณ์ สมพร ศรีวิชัย (Somporn Sriwichai) ที่แผงข้างถนนแห่งหนึ่งในย่านประตูน้ำ ในกรุงเทพฯ ซึ่งเธอเล่าว่ากำลังขายดิบขายดีได้เงินมากกว่าที่เธอเคยทำได้เมื่อก่อนนี้ จากการขายเสื้อยืดในราคาตัวละ 150-250 บาทอยู่ตั้งหลายสัปดาห์เสียอีก
“พวกเราทุกคนในประเทศไทยต่างเศร้าโศกเสียใจกันมาก และฉันไม่ได้ต้องการขายเสื้อผ้าชุดดำอย่างนี้หรอก” เป็นคำบอกเล่าของหญิงวัย 45 ปีผู้นี้ ซึ่งธรรมดาแล้วขายเสื้อผ้าชุดเด็กเป็นหลัก
เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยมีเงินทุนอะไร แต่ตอนนี้เสื้อผ้าชุดดำขายดีจริงๆ โดยที่เธอขายได้ 100 ตัวทีเดียวเฉพาะวันศุกร์ (14) วันเดียว
รายงานของเอเอฟพีบอกว่า เช่นเดียวกับผู้ขายเสื้อผ้าตามแผงข้างถนนจำนวนมากในกรุงเทพฯ สมพรพร้อมที่จะหาสินค้าพิเศษออกมาจำหน่ายให้สอดคล้องกับพระราชพิธีและกิจกรรมเทิดพระเกียรติต่างๆ ที่ทางการจัดขึ้นมา
สำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีก่อนๆ ต้องเป็นเสื้อยืดสีเหลือง สำหรับวาระแสดงความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ต้องเป็นสีม่วง
ปีที่แล้ว ในกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงนำขบวน ก็มีผู้คนจำนวนหลายแสนคนสวมเสื้อยืดสีเหลือง-ฟ้า เขียนชื่อกิจกรรมนี้ที่ใช้ชื่อว่า “ปั่นเพื่อพ่อ”
รายงานของเอเอฟพีบอกว่า ความต้องการเสื้อผ้าชุดดำที่พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำให้เกิดความวิตกกันว่าอาจจะเกิดการขาดแคลน และรัฐบาลต้องแถลงว่าจะหารือกับพวกโรงงานผู้ผลิตเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีซัปพลายเพียงพอ รวมทั้งจะเข้าปราบปรามพวกฉวยโอกาสขึ้นราคาอีกด้วย
“เราต้องการให้โลกได้รู้ถึงความรู้สึกของพวกเรา” สมพรกล่าว พร้อมกับอธิบายว่า “ด้วยการสวมเสื้อผ้าสีเดียวกัน และด้วยการมีความสามัคคีกัน เราก็สามารถแสดงความอาลัยของเราได้ตลอดทั้งวันทีเดียว”
สำหรับรอยเตอร์ได้ไปสัมภาษณ์ นงลักษณ์ บรรเทาทุกข์ (Nongrak Bantaotuk) ผู้มีอาชีพเป็นพยาบาล เธอเล่าว่ากำลังมาหาซื้อเสื้อผ้าชุดดำสำหรับตัวเธอเองและสำหรับคนในครอบครัวของเธอด้วย เธอบอกว่าราคาได้ถูกขยับสูงขึ้นไปนิดหน่อย แต่นั่นไม่ถึงกับทำให้เธอเดือดร้อนใจอะไร
“ถ้าคุณเอามาเปรียบเทียบกันนั้น ราคาตอนนี้สูงขึ้นไปกว่าเมื่อก่อน แต่การซื้อหรือไม่ซื้อมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องราคาเท่านั้น”
“เรากำลังจะใส่ชุดดำกันตลอดทั้งปีเลย” เธอบอก
