รอยเตอร์ - กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ (US Transportation Department) ออกคำสั่งฉุกเฉินห้ามผู้โดยสารนำสมาร์ทโฟนซัมซุง Galaxy Note 7 ขึ้นเครื่องบินทุกกรณี โดยเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (15 ต.ค.) เป็นต้นไป
ประกาศจากกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ มีขึ้นเมื่อวานนี้ (14) หลังจากที่ผู้ใช้หลายรายได้แจ้งปัญหาสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวเกิดความร้อนจัดจนระเบิดไฟลุก
บริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ได้ประกาศหยุดวางจำหน่าย Note 7 อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคาร (11) ที่ผ่านมา หลังมีรายงานที่ว่าเครื่อง Note 7 ล็อตใหม่ซึ่งนำมาเปลี่ยนให้ลูกค้าก็เกิดปัญหาไฟลุกเช่นกัน
กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ และอีกหลายหน่วยงานได้ประกาศห้ามผู้โดยสารพกพาสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ขึ้นเครื่อง หรือแม้กระทั่งใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่โหลดใต้ท้องเครื่องบิน
“เราทราบดีว่า คำสั่งแบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อาจทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก แต่ความปลอดภัยของทุกคนบนเครื่องบินต้องมาเป็นอันดับแรก” แอนโธนี ฟ็อกซ์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ระบุ
“เราจำเป็นต้องมีมาตรการเสริมเช่นนี้ เพราะการเกิดเพลิงไหม้ระหว่างทำการบินอาจทำให้เจ้าของสมาร์ทโฟนได้รับบาดเจ็บ และยังทำให้อีกหลายชีวิตต้องเสี่ยงอันตรายด้วย”
กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ เตือนด้วยว่า ผู้โดยสารที่นำสมาร์ทโฟน Note 7 แพ็กใส่กระเป๋าเดินทางอาจก่อให้เกิด “หายนะ”
“ผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามจะถูกดำเนินคดีฐานก่ออาชญากรรม นอกเหนือจากการเสียค่าปรับ” กระทรวงระบุ
ผู้โดยสารที่พยายามนำ Note 7 ขึ้นเครื่องบินอาจถูกยึดอุปกรณ์ดังกล่าว และหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบสมาร์ทโฟนรุ่นนี้บนเครื่องบิน เจ้าของก็จะมีโทษปรับด้วย
กระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ ได้มีคำแถลงเพิ่มเติมออกมาในช่วงค่ำวันศุกร์ (14) ว่า ผู้โดยสารที่พยายามนำซัมซุง Galaxy Note 7 ขึ้นเครื่องบินจะถูก “ปฏิเสธการขึ้นเครื่อง”
ซัมซุงซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ขยายการเรียกคืน Note 7 ในสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 1.9 ล้านเครื่อง จากเดิมที่ได้เรียกคืนไปแล้วราว ๆ 1 ล้านเครื่อง เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา
คณะกรรมการคุ้มครองความปลอดภัยผู้บริโภคแห่งสหรัฐฯ (US Consumer Product Safety Commission) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (13) ว่า แบตเตอรีของ Note 7 “อาจเกิดความร้อนจัดจนเครื่องลุกไหม้ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการถูกไฟลวก”
ซัมซุง ได้รับรายงานปัญหาแบตเตอรี Note 7 เกิดความร้อนจัดในสหรัฐฯ แล้วทั้งสิ้น 96 กรณี ในจำนวนนี้รวมถึงรายงานใหม่ 23 กรณีที่เกิดขึ้นหลังมีคำสั่งเรียกคืนผลิตภัณฑ์เมื่อวันที่ 15 ก.ย.