เอเจนซีส์ - ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงปฎิบัติพระราชกิจในระหว่างการเยือนแคนาดาล่าสุดในจ.ยูคอน(Yukon) ทางตอนเหนือของประเทศ โดยทั้งสองพระองค์ได้ทรงทำให้เจ้าหน้าที่ต่างตื่นตระหนกเมื่อทั้งเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนที่อยู่ในฉลองพระองค์ทะมัดทะแมงและทรงรองพระบาทบูทสูง ตัดสินพระทัยเสด็จไต่ขอบรางรถไฟบนสะพานไม้ที่ไม่มีราวกั้นของรถไฟจักกลไอน้ำ ที่ครั้งหนึ่งสมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีได้เคยประทับเมื่อเกือบ 60 ปีก่อนหน้านี้ข้ามไปยังอีกฝั่ง ที่หากพลาดแม้แต่ก้าวเดียวอาจต้องตกลงไปในน้ำที่เย็นจัด
เดลิเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(29 ก.ย)ว่า ในระหว่างพระราชกิจเป็นเวลา 2 วันทางตอนเหนือของแคนาดา ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์แห่งราชวงศ์อังกฤษ ได้ทรงกระทำในสิ่งที่บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้ติดตามต่างคาดไม่ถึง เมื่อเจ้าหญิงแคทเธอรีนที่อยู่ในฉลองพระองค์ชุดทะมัดทะแมงและสวมรองพระบาทบูทสูง เสด็จนำหน้าพระสวามี เจ้าชายวิลเลียมที่ทรงอยู่ในชุดฉลองพระองค์ทะมัดทะแมงเช่นเดียวกัน ไต่ขอบรางรถไฟไอน้ำเก่าโบราณที่ครั้งหนึ่งสมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้ายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีได้เคยประทับในปี 1959 ยามที่ทั้งสองพระองค์เสด็จเยือนทางตอนเหนือของแคนาดา
สื่ออังกฤษรายงานว่า เจ้าหญิงเคททรงใช้ความกล้า ก้าวพระบาทซ้ายนำไปก่อนที่จะทรงชะงักไปเล็กน้อย และหลังจากที่พระองค์สามารถสร้างความสมดุลย์ในการย่างพระบาทบนขอบรางที่มีความกว้างเพียงแค่ช่วงความยาวรองเท้าสำเร็จ โดยที่ไม่มีแม้แต่ราวกั้นบนสะพานรถไฟไม้แบบโบราณเหนือผืนน้ำที่เย็นเฉียบ เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อังกฤษทรงสามารถเสด็จพระดำเนินผ่านไปอย่างไม่ยากเย็นในขณะที่ใช้พระหัตถ์แตะด้านข้างของรถไฟจักรกลไอน้ำที่มีหมายเลข 73 ติดอยู่ด้านหน้า โดยมีพระสวามี เจ้าชายวิลเลียม ทรงเสด็จพระดำเนินติดตามมาอยู่ด้านหลัง
เดลิเมลรายงานว่า สะพานไม้ข้ามทางรถไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ในเดอะ ไวท์ พาส( the White Pass )และทางรถไฟเส้นทางยูคอน รูท( Yukon Route) ในคาร์ครอซ( Carcross)
ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในระหว่างทางที่ทั้งสองพระองค์เสด็จพระดำเนินผ่านไปยังบริเวณเทือกเขาที่สวยงามในจ.ยอคอน (Yukon) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
โดยในระหว่างการเสด็จนั้น เจ้าชายวิลเลียมทรงสังเกตเห็นขบวนรถไฟจักรไอน้ำที่มีควันขาวพวยพุ่งออกมาเหนือท้องฟ้าไม่ขาดระยะ และทรงได้รับทราบว่าสมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิป พระสวามีได้ทรงเคยประทับมาแล้วเมื่อเกือบ 60 ปีก่อนหน้านี้ และทำให้เจ้าชายวิลเลียมทรงตัดสินพระทัยชวนเจ้าหญิงเคทเสด็จทอดพระเนตรรถไฟขบวนสายประวัติศาสตร์นี้อย่างใกล้ชิด ณ บริแวณสะพานไม้ทอดเหนือทะเลสาบเลคเบนเน็ตต์(Lake Bennett)
ทั้งนี้ผู้นำทางของสองพระองค์ หัวหน้าชนเผ่าพื้นเมืองแคนาดาเผ่าคาร์ครอซ ทากิช เฟิร์ส เนชัน( Carcross Tagish First Nation )แอนดี คาร์วิล(Andy Carvill)วัย 52 ปี ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ดยุคแห่งเคมบริดจ์ได้ทรงตรัสซักถามว่า พระองค์จะสามารถเสด็จเข้าไปชมด้านในของตัวรถไฟขบวนนี้ได้หรือไม่ และดังนั้นทั้งสองพระองค์จึงได้ทรงเสด็จเข้าไปด้านในของตัวรถไฟจักกลไอน้ำ และยังทรงทดลองให้หวูดรถไฟทำงานส่งเสียงดังอีกด้วย ซึ่งเมื่อผมได้เล่าถวายถึงเหตุการณ์เมื่อครั้ง สมเด็จพระราชินีควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีได้ทรงเคยเสด็จประทับรถไฟขบวนนี้มาแล้ว และทำให้ทั้งสองพระองค์พอพระทัยเป็นอันมาก”
โดยในการเสด็จเยือนทางตอนเหนือของแคนาดา เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงเคททรงเสด็จไปเยือนเมืองเล็กๆของผู้ตั้งถิ่นฐานแคนาดา คาร์ครอซ คอมมอนส์(Carcross Commons) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนคลอนไดค์ ไฮเวย์ ที่มีชื่อเสียง สื่ออังกฤษชี้ว่า เมืองแห่งนี้กลายเป็นตำนานยุคการตื่นทองแคนาดาในช่วงปลายศตวรรษปี 1800s
ซึ่งในปัจจุบันนี้เมืองแห่งนี้มีประชาชนอาศัยอยู่น้อยกว่า 300 คน
และในการเสด็จเยือนดินแดนของชนเผ่าคาร์ครอซ ทากิช เฟิร์ส เนชัน ทั้งสองพระองค์ทรงได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับจากคณะชนเผ่าอย่างสมพระเกียรติ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มนักเต้นเด็กๆที่มีอายุระหว่าง 4-7 ปี ในชุดสีฉูดฉาดตระการตาของชนเผ่าพื้นเมือง และยังทรงทอดพระเนตรการแข่งขันจักรยานเมาเทนต์ไบค์ของบรรดาเด็กๆชนเผ่าอีกด้วย
และในการกล่าวแถลงถวายรายงานของคาร์วิล หัวหน้าชนเผ่า คาร์ครอซ ทากิช เฟิร์ส เนชัน ได้ระบุว่า “ข้าพเจ้าทราบดีว่าทั้งสองพระองค์จะต้องทรงหลงรักทัศนียภาพของเทือกเขามอนตานา และพบปะกับบรรดาเด็กๆของเผ่าเรา” และกล่าวต่อว่าไป “ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ทั้งสองพระองค์จะพบกับกลุ่มผู้อาวุโสของเรา ซึ่งเผ่าเราต่อสู้ในฐานะเป็นชาติ แต่อย่างไรก็ตามทางชนเผ่าของเราแสดงออกมาทางด้านวัฒนธรรม เพลง และการเต้นรำ”
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ถวายรายงานของหัวหน้าเผ่าคาร์ครอซ ทากิช เฟิร์ส เนชันยังกล่าวต่ออีกว่า “ทางเผ่าของเราต้องร้องขอไปยังทั้งสองพระองค์ให้ทรงช่วยให้คำแนะนำแก่พวกเรา ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชนเผ่าและรางวงศ์อังกฤษ เพราะทางเราต้องการให้เป็นที่ยอมรับเพื่อการปกป้องดินแดนและคนของพวกเรา ทางเราต้องการปกป้องดินแดนแห่งนี้และความสวยงามของที่นี่” ซึ่งในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า “ทางเรามีความมั่นใจว่า พวกเราจะสามารถทำได้เพื่อลูกหลานของเราเองที่ได้ทั้งร้องและเต้นอยู่ ณ ตรงที่นี้ พวกเราต้องการยอมรับในฐานะรัฐบาล”
และหลังจากนั้นคาร์วิลได้นำทั้งเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีนไปทอดพระเนตรเสาโทเทม (totem pole) เพชฆาตวาฬที่มีความสูง 22 นิ้ว ผลงานการสร้างโดยคีธ โวล์ฟ-สมาร์ช( Keith Wolfe-Smarch) ที่มีชื่อเสียง