เอเจนซีส์ / MGR online - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 รายจากเหตุเหยียบกันตาย และการจมน้ำในวันเสาร์ (24 ก.ย.) ในพื้นที่ภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โดยต้นเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้เกิดจากความตื่นตกใจของฝูงชนต่อการลั่นกระสุนปืนหลายนัดของทหารนายหนึ่งที่อยู่ในอาการมึนเมาที่เมืองเบนี
รายงานข่าวที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) โดยฌ็อง เอ็ดมอนด์ เอ็นยงยี นายกเทศมนตรีเมืองเบนีระบุว่า ต้นตอของโศกนาฏกรรมเหยียบกันตายในครั้งนี้เกิดจากความตื่นตกใจของประชาชนต่อเสียงปืนจำนวน 4 นัดที่ออกจากกระบอกอาวุธปืนประจำกายของทหารนายหนึ่งซึ่งแต่งกายในชุดพลเรือนและอยู่ในอาการมึนเมา
จนถึงขณะนี้มีการยืนยันยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้แล้วที่อย่างน้อย 13 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 8 รายที่กระโดดลงแม่น้ำและจมน้ำเสียชีวิตในที่สุดหลังถูกเหยียบจนได้รับบาดเจ็บจากฝูงชนที่ตื่นตระหนกเพราะเสียงปืน
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าเพราะเหตุใดจึงมีฝูงชนจำนวนมากเดินทางมารวมตัวกันอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุใจกลางเมืองเบนีในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมาเพิ่งเกิดการปะทะกันระหว่างฝูงชนที่ออกมาร่วมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลในเมืองเบนีแห่งนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 51 ราย
ขณะที่เหตุรุนแรงในพื้นที่ภาคตะวันออกของอดีตดินแดนอาณานิคมเบลเยียมแห่งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 700 รายนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2014 เป็นต้นมา และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการสังหารหมู่โดยฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่เรียกตัวเองว่า “กองกำลังพันธมิตรประชาธิปไตย” หรือกลุ่มกบฏ “เอดีเอฟ” ที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูกันดา