เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส มานูเอล วาลส์ ออกมายอมรับล่าสุดว่า ทุกวันนี้หน่วยงานความมั่นคงฝรั่งเศสสามารถทลายแผนการของเครือข่ายก่อการร้ายที่มีเป้าหมายเพื่อโจมตีฝรั่งเศสได้ “ทุกวัน” พร้อมเปิดเผยว่ามีผู้ต้องสงสัย 15,000 คน อยู่ภายใต้การจับตาของตำรวจ ในขณะที่อีก 10,000 คนถูกจัดว่าเป็นภัยความมั่นคงสูงต่อประเทศ
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (11 ก.ย.) ว่า นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส มานูเอล วาลส์ แถลงถึงเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศสว่า ในขณะนี้มีคนอยู่ในรายชื่อต้องถูกจับตาจำนวน 15,000 คนหลังจากฝรั่งเศสได้เริ่มต้นกวาดล้างกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในประเทศ ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ออกมายอมรับว่ามีคนจำนวนถึง 10,000 คนถูกระบุว่าเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงประเทศ
โดยในวันเสาร์ (10) ล่าสุดทางการฝรั่งเศสสามารถจับกุมเด็กชายวัย 15 ปีได้ที่บ้านพักในฝรั่งเศส หลังจากเชื่อว่าเด็กชายคนนี้วางแผนที่จะก่อเหตุอุกอาจโจมตีในช่วงสุดสัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนฝรั่งเศสระบุว่า เด็กชายผู้นี้มีรายชื่อตกเป็นผู้ต้องจับตามาตั้งแต่เดือนเมษายนล่าสุด และพบว่าเด็กชายได้ติดต่อกับราชิด คาสซิม (Rachid Kassim) สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย IS
นับตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายลงมือหลายจุดพร้อมกันโจมตีปารีสในเดือนพฤศจิกายนปี่ที่ผ่านมาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 130 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ฝรั่งเศสได้ประกาศทั้งประเทศอยู่ในสถานการณ์เตือนภัยสูงสุดมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการสืบสวนฝรั่งเศสล่าสุดพบว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินให้ผลน้อยมากต่อการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย และได้ตั้งคำถามไปถึงการส่งกำลังทหารจำนวนมากถึง 6,000-7,000 นายเพื่อตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยยังโรงเรียน ศาสนสถาน และแหล่งบันเทิงต่างๆ
โดยวาลส์ได้แถลงต่อสื่อฝรั่งเศสว่า “ในทุกกวันนี้มีภัยคุกคามสูงสุด และฝรั่งเศสได้กลายเป็นเป้า” และกล่าวต่อว่า “ในแต่ละวันข่าวกรองและตำรวจสามารถทลายเครือข่ายก่อการร้ายที่มีแผนการเพื่อโจมตีฝรั่งเศส และค้นหาสมาชิกก่อการร้ายได้ทุกวัน” และนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสยังกล่าวต่อว่า “มีคนจำนวน 15,000 คนตกเป็นเป้าการจับตาจากเจ้าหน้าที่ เพราะคนพวกนี้อยู่ในกระบวนการการถูกล้างสมองให้กลายเป็นพวกมีความคิดสุดโต่ง”
ในการให้สัมภาณ์ วาลส์ นายกรัฐมนตรีจากพรรคโซเชียลลิสต์แดนน้ำหอมยังกล่าวต่อว่า “จะมีการโจมตีรอบใหม่เกิดขึ้น จะมีเหยื่อผู้บริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสที่กำลังอยู่ในการเลือกตั้งเพื่อหาประธานาธิบดีคนใหม่ในปีหน้า ปัญหาความมั่นคงได้กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยวาลส์กล่าวโจมตีนโยบายความมั่นคงที่เสนอโดยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ โอลลองด์ ที่ต้องการให้มีการตั้งศาลพิเศษ และเรือนจำโดยเฉพาะนั้นไม่ใช่คำตอบ
ในวันเดียวกัน อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสนิโกลัส ซาร์โกซี ที่ได้ประกาศลงรับสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีผรั่งเศสในเดือนสิงหาคมล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Le Journal du Dimanche โดยกล่าวว่า “พลเมืองฝรั่งเศสทุกคนที่ถูกต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย เพราะได้ท่องอินเทอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์กลุ่มก่อการร้ายเสมอ หรือมีความประพฤติที่ส่อให้เห็นว่าถูกล้างสมองกลายพวกสุดโต่ง หรือถูกต้องสงสัยว่าใกล้ชิดกับกลุ่มก่อการร้าย จำเป็นต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในคุกเท่านั้น”
บีบีซีกล่าวต่อว่า อัยการฝรั่งเศสได้สั่งดำเนินคดีกับหญิงคนหนึ่งจากทั้งหมดที่ได้ถูกจับกุม หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสสามารถทะลายแผนการก่อการร้ายใกล้มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส
ทั้งนี้พบว่า ออร์เนลลา จี (Ornella G) หญิงชาวฝรั่งเศสวัย 29 ปี ถูกตั้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและพยายามฆ่า ในขณะที่หญิงอีก 3 คนที่เหลือถูกจับกุม และสอบปากคำจากทางเจ้าหน้าที่หลังจากที่มีรถยนต์คันหนึ่งที่ขนถังแก๊สมาจนเต็มคันรถถูกพบใกล้กับมหาวิหารแห่งนี้
สื่ออังกฤษรายงานต่อว่า ทางฝรั่งเศสเชื่อว่า หญิงเหล่านี้แอบวางแผนโจมตีที่อื่นด้วยเช่นกัน
โดยอัยการฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ มอลินซ์ (Francois Molins) ได้ออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ชี้ว่า ลายนิ้วมือของจีถูกพบภายในรถยนต์คันต้องสงสัย และเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มเป็นที่รู้จักในหมู่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองฝรั่งเศสที่เชื่อว่า ออร์เนลลา จีกำลังมีแผนเพื่อเดินทางไปซีเรีย
ทั้งนี้ จี ถูกจับกุมพร้อมกับเพื่อนชายในวันอังคาร (6) ได้ที่ทางใต้ของฝรั่งเศส แต่ทว่าเพื่อนชายของเธอถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากนั้น
