คลินตันโดนจวกไม่คู่ควรทำเนียบขาว หลังด่าเหมารวมฐานเสียงทรัมป์น่าสังเวช

รอยเตอร์ - คลินตันระบุเสียใจที่ด่าแบบเหมารวมฐานเสียงครึ่งหนึ่งของทรัมป์ ว่า “น่าสังเวช” แต่ไม่ขอโทษที่วิจารณ์ว่า แคมเปญหาเสียงและผู้สนับสนุนคู่แข่งจากรีพับลิกันผู้นี้ “อคติและมีอาการจิตหวาดระแวง” ด้านเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และพลพรรครีพับลิกันถล่มซ้ำทันที ชี้อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งดูหมิ่นคนอเมริกัน จึงไม่คู่ควรสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี

เมื่อวันเสาร์ (10) ระหว่างงานระดมทุนที่นิวยอร์ก ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ยอมรับว่า ตัวเอง “เหมารวม” และเสียใจที่พูดว่า ครึ่งหนึ่งของผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน “น่าสังเวช” และบางคนในจำนวนนี้เกินเยียวยาไปแล้ว
อย่างไรก็ดี เธอยืนยันว่า แคมเปญหาเสียงส่วนใหญ่ของทรัมป์อิงกับอคติและอาการจิตหวาดระแวง และจะไม่เลิกวิจารณ์ว่า แคมเปญนี้ดื้อรั้นและเหยียดผิว

เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างงานระดมทุนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) โดย คลินตัน ยังกล่าวว่า ผู้สนับสนุนทรัมป์อีกครึ่งหนึ่งคือคนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผิดหวังกับรัฐบาลและเศรษฐกิจ

“คนเหล่านี้ไม่ได้เชื่อทุกอย่างที่ทรัมป์พูด แต่ดูเหมือนมีความหวังอยู่บ้างว่า ชีวิตจะมีการเปลี่ยนแปลง และเราต้องเข้าใจและโฟกัสที่คนเหล่านี้”

ผู้สนับสนุนรีพับลิกันและทรัมป์ ได้ตอบโต้คลินตันอย่างดุเดือดบนโซเชียลมีเดีย ส่วนทรัมป์ก็สวนกลับทันควัน ว่า คลินตันไม่เหมาะจะเป็นประธานาธิบดีเนื่องจากดูถูกเหยียดหยามคนอเมริกัน

ทรัมป์ยังทวีตว่า “ว้าว ฮิลลารี คลินตัน ดูถูกผู้สนับสนุนของผม ซึ่งเป็นคนนับล้านที่ทำงานหนัก ผมคิดว่า งานนี้กระทบคะแนนเสียงของเธอแน่!”

ไมค์ เพนซ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนา และผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับ ทรัมป์ สำทับว่า ควรประณามคลินตันด้วยถ้อยคำรุนแรงที่สุดฐานดูถูกประชาชนที่สนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์

แม้ทรัมป์ นักธุรกิจจากนิวยอร์กที่ไม่เคยรับตำแหน่งทางการเมืองมาก่อน มักใช้ถ้อยคำที่ถูกวิจารณ์ว่า เป็นการดูหมิ่นและเหยียดผิว เช่น การพูดว่า คลินตันสามารถยิงใครก็ได้โดยไม่โดนจับ ระหว่างหาเสียงที่เพนซาโคลา รัฐฟลอริดาเมื่อคืนวันศุกร์ แต่คำวิจารณ์ล่าสุดของคลินตัน ทำให้เกิดกระแสการติดแฮชแท็ก #BasketOfDeplorables ที่สะท้อนทั้งการประณามและการสนับสนุนคลินตัน

ดัก เฮย์ นักกลยุทธ์ของรีพับลิกัน มองว่า ตราบใดที่ทรัมป์ไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงจนกลบคำวิจารณ์ของคลินตัน การเหมารวมฐานเสียงทรัมป์ว่า “น่าสังเวช” ของคลินตันจะเป็นกระแสในสื่อไปอีกหลายวัน และเสี่ยงทำให้เกิดผลลบกับแคมเปญหาเสียงของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งผู้นี้

อันนา นาวาโร นักกลยุทธ์ของรีพับลิกันอีกคนที่เคยวิจารณ์ทรัมป์ ชี้ว่า คราวนี้คลินตันอาจล้ำเส้นครั้งใหญ่ เนื่องจากการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หมายความถึงการแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คนที่ถูกวิจารณ์ว่าน่าสังเวช

อย่างไรก็ตาม จามาล ซิมมอนส์ ที่ปรึกษาของเดโมแครต เชื่อว่า คำวิจารณ์ดังกล่าวอาจไม่ได้เป็นการผลักไสผู้มีสิทธิ์ออกเสียงให้ทิ้งคลินตัน เนื่องจากขณะนี้มาถึงกระบวนการในการเลือกตั้งที่มีความกดดันในการโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์ออกเสียงใหม่น้อยกว่าการโน้มน้าวให้ฐานเสียงที่มีอยู่ในมือออกไปใช้สิทธิ์

นักวิจารณ์บางคนเชื่อมโยงคำวิจารณ์ของคลินตันกับการแสดงความคิดเห็นของ มิตต์ รอมนีย์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันในการชิงทำเนียบขาวปี 2012 ที่บอกว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง 47% พึ่งพิงรัฐบาล และมีแนวโน้มหลับหูหลับตาโหวตให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งผลปรากฏว่า รอมนีย์ไม่สามารถเรียกคะแนนเสียงคืนได้เลยนับจากนั้น

แต่ถึงกระนั้น จิม แมนลียร์ นักยุทธศาสตร์ของเดโมแครตที่สนับสนุนคลินคัน แย้งว่า รอมนีย์พูดถึงผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด ส่วนคลินตันพูดถึงแค่ผู้สนับสนุนทรัมป์เท่านั้น