เอเจนซีส์ / MGR online – โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment Programme :UNEP) ออกรายงานฉบับล่าสุดในวันอังคาร (30 ส.ค.) ซึ่งระบุ ประชากรโลกจำนวนมากกว่า 300 ล้านคนในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา ต้องเผชิญกับอันตรายร้างแรงถึงชีวิตจากปัญหาที่มีต้นตอจากมลภาวะทางน้ำ ในแม่น้ำและทะเลสาบที่เพิ่มสูงขึ้น
รายงานฉบับล่าสุดของ UNEP ระบุว่า ระดับมลพิษในแม่น้ำลำคลอง ตลอดจนทะเลสาบในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1990 ถึงปี 2010 และว่า มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของแหล่งน้ำจืดตามธรรมชาติในทั้ง 3 ภูมิภาคเวลานี้ มีระดับการปนเปื้อนเน่าเสียเข้าขั้นเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน และยังเป็นแหล่งต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้ออหิวาตกโรค รวมถึง ไข้ไทฟอยด์ และโรคภัยไข้เจ็บอีกหลายชนิด
รายงานฉบับนี้ระบุด้วยว่า มีประชากรสูงถึง 164 ล้านคนในทวีปแอฟริกา , 134 ล้านคนในทวีปเอเชีย และอีก 25 ล้านคนในภูมิภาคลาตินอเมริกา ที่ต้องกลายเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากโรคภัยที่มากับมลพิษในแหล่งน้ำ ซึ่งนับว่าเป็นต้นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 3.4 ล้านรายในแต่ละปี
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานล่าสุดของ UNEP ชี้ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนและเน่าเสียของแหล่งน้ำโดยเฉพาะแหล่งน้ำจืดที่มีความจำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคของประชากรในเอเชีย แอฟริกา และลาตินอเมริกา นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยของเสีย การทิ้งขยะและสารเคมี ที่ไม่ผ่านการบำบัดคัดกรองลงสู่แม่น้ำลำคลองและทะเลสาบ โดยที่ทวีปเอเชียถือเป็นภูมิภาคที่ประสบปัญหานี้สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์
