เอพี - คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเม็กซิโก ออกแถลงการณ์รายงานการค้นพบในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ว่า ตำรวจรัฐบาลกลางแดนจังโก ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง สังหารคนไปไม่ต่ำกว่า 22 ราย และทำการเคลื่อนย้ายศพ ก่อนจัดฉากยัดปืนใส่มือ ในเหตุปะทะกลางฟาร์มปศุสัตว์ รัฐมิโชอากัง ทางตะวันตกของเม็กซิโกในปีที่ผ่านมา แถมพบมี 2 เคส ตำรวจเม็กซิโกใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ที่มีเหยื่อมากกว่า 4 คน ถูกทรมานจนเสียชีวิต
เอพีรายงานวันนี้ (19 ส.ค.) ว่า เหตุเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม 2015 ที่ผ่านมา โดยในขณะนั้นรัฐบาลเม็กซิโก อ้างว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดที่แอบหลบซ่อนอยู่ในฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองตานฮูอาโต (Tanhuato) รัฐมิโชอากัง ภาคตะวันตกของเม็กซิโก ซึ่งมีพรมแดนของรัฐติดรัฐฮาลิสโก
โดยในการปะทะพบว่า 0มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเม็กซิกันเสียชีวิต 1 นาย แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเม็กซิโกได้ออกแถลงการณ์รายงานในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ชี้ว่า ตำรวจรัฐบาลกลางแดนจังโก ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง สังหารคนไปไม่ต่ำกว่า 22 ราย และเคลื่อนย้ายศพ ก่อนจัดฉากยัดปืนใส่มือ
ซึ่งในแถลงการณ์ ทางคณะกรรมการสิทธิฯ ระบุต่อว่า ไม่สามารถหาข้อมูลประจักษ์พยานแวดล้อมที่มีเหตุผลถึงการเสียชีวิตของเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 15 นาย ที่ต้องจบชีวิตเนื่องมาจากการถูกยิง
“การสอบสวนได้ยืนยันจากความเป็นจริง ที่ระบุว่า ได้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงเกิดขึ้นในหมู่แวดวงตำรวจรัฐบาลกลางเม็กซิโก” ลูอิส ราอูล กอนซาเลซ เปเรซ (Luis Raul Gonzalez Perez) ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแถลง
เรเนโต ซาเลซ (Renato Sales) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเม็กซิโก ซึ่งเป็นผู้ควบคุมตำรวจรัฐบาลกลาง ปฏิเสธรายงานการค้นพบชิ้นนี้ และได้เปิดฉากตอบโต้ด้วยการเปิดโต๊ะแถลงข่าวสู้ก่อนที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนจะจบการแถลงของตนเองเสียด้วยซ้ำ เอพีรายงาน
โดยในการแถลงชี้แจงของซาเลซ พบว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเม็กซิโกได้สั่งให้กลุ่มผู้ต้องสงสัยทิ้งอาวุธและมอบตัว แต่ทางคนร้ายกลับใช้อาวุธยิงสวนกลับมาแทน
“การใช้อาวุธถือเป็นความชอบธรรมในการตอบโต้กับความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย” ซาเลซกล่าว และเสริมต่อว่า “ในความคิดของทางตำรวจเม็กซิโก เชื่อว่า นี่ถือเป็นที่ถูกต้องแล้วที่พวกเขาป้องกันตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิตสูงมากจนน่าตกใจนำมาสู่การตั้งคำถามว่า ตำรวจเม็กซิโกอาจใช้กำลังเกินกว่าเหตุสังหารคนเหล่านี้ระหว่างในปฏิบัติการจับกุมสมาชิกกลุ่มค้ายาเสพติดแก๊งฮาลิสโก นิวเจนเนอร์เรชัน (the Jalisco New Generation) หรือไม่
ทางคณะกรรมการสิทธิฯได้ตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลเม็กซิโก ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการปะทะ แต่ตำรวจรัฐบาลกลางเม็กซิโก กลับอ้างว่า ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ
งานพบรถบรรทุกต้องสงสัยคันหนึ่ง แต่กลับถูกยิงสวนออกมาจากคนที่อยู่บนรถก่อนรถคันนี้จะมุ่งหน้าไปยังฟาร์มปศุสัตว์
และในรายงานของคณะสิทธิมนุษยชนเม็กซิโก ยังกล่าวต่อว่า แต่เป็นที่น่าสงสัยเมื่อพบว่า ทางรัฐบาลเม็กซิโกไม่ได้หาหลักฐานเพื่อมาสนับสนุนในเรื่องนี้ได้ ในขณะที่แถลงการณ์ของพยานในคดีนี้ชี้ไปในทิศทางที่ว่า มีกำลังตำรวจรัฐบาลกลางเม็กซิโก 41 นาย แอบลักลอบบุกเข้าไปภายในเขตพื้นที่ฟาร์มปศุสัตว์เอกชนในเวลาเช้าตรู่ราว 6.00 น. ซึ่งพบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มปฏิบัติการเร็วกว่าเวลาที่อ้างไว้ในรายงานบันทึก 1 ชม.
เอพีรายงานต่อว่า อ้างอิงข้อมูลจากรายงานของหน่วยงานสิทธิมนุษยชน พบว่า หลังจากที่ตำรวจส่วนกลางเม็กซิโกถูกยิง 1 นายแล้ว ทางเจ้าหน้าน้าที่ได้เรียกขอกำลังเสริมอย่างเร่งด่วน และพบว่า มีกำลังเจ้าหน้าที่ร่วม 54 นาย เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมกับเฮลิอคปเตอร์ชอปเปอร์ 1 ตัว
โดยชอปเปอร์ขับไล่ได้ยิงกราดลงมาจากอากาศร่วม 4,000 นัด เหนือฟาร์มปศุสัตว์จุดปะทะ และโกดังที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง จนทำเกิดเพลิงลุกไหม้ในเวลาต่อมา แต่อย่างไรก็ตาม พบว่า เฮลิคอปเตอร์ของทางเจ้าหน้าที่ถูกยิงเช่นกัน รายงานชี้ ซึ่งพบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เนื่องมาจากถูกเผา โดยทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเม็กซิโกเชื่อว่า ในขณะที่เหยื่อรายนี้ถูกยิง เขายังมีชีวิตอยู่
เอพีรายงานต่อว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยถูกยิงออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ตำรวจอยู่ที่ 5 ราย คณะกรรมการสิทธิฯชี้ ซึ่งหนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิตถูกลูกกระสุนจากการยิงมุมสูงเจาะเข้าบริเวณหน้าอก และทะลุออกมาตรงขาหนีบ แต่ไม่พบรอยเลือดบนกางเกงยีนส์ของผู้เสียชีวิต
และในรายงานยังกล่าวต่ออีกว่า พบว่ามีผู้เสียชีวิต 13 รายจากทั้งหมด 22 คนถูกยิงเสียชีวิตจากทางด้านหลัง
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า พยานให้การ 2 ปากต่อกรรมการสิทธิมนุษยชนได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ตำรวจส่วนกลางเม็กซิโกสั่งให้ชายคนหนึ่งที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักให้หันหลังวิ่งออกไปนอกฟาร์มให้เร็วที่สุด แต่หลังจากนั้น พยานรายนี้ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น
ซึ่งในรายงานของคณะสิทธิฯ ระบุว่า *** “ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการเม็กซิโกจะเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ตำรวจเม็กซิโกมีเวลามากพอถึง 4 ชม. ในการจัดฉาก”*** ที่รวมไปถึงการเคลื่อนย้ายศพ และการนำปืนมาใส่ในมือผู้เสียชีวิตให้ดูเหมือนมีการยิงต่อสู้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีเหยื่อ 8 รายจากทั้งหมดถูกพบในสภาพไม่สวมรองเท้า และอีก 1 ราย ถูกพบในสภาพสวมเพียงแต่กางเกงชั้นใน ซึ่งทำให้ทางคณะกรรมการสิทธิฯ เชื่อว่า เหตุเกิดขึ้นในช่วงระหว่างที่คนส่วนใหญ่กำลังนอนหลับเมื่อตำรวจบุกเข้าไป โดยการสอบสวนของทางคณะกรรมการ ระบุว่า พบพลเรือนจำนวน 40 คน เสียชีวิตจากกระสุนปืน ในขณะที่มี 1 รายเสียชีวิตจากการถูกเผา และอีก 1 ราย เสียชีวิตจากการถูกรถพุ่งชน
เอพีรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลเม็กซิโกได้ออกมาปฏิเสธ รายงานการเสียชีวิตจากผลการชันสูตร ซึ่งทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเม็กซิโก ได้วิจารณ์ การพิสูจน์ศพของทางสำนักงานอัยการเม็กซิโก ว่า บกพร่องและไม่ครบถ้วน รวมไปถึงยังส่งร่างเหยื่อไปให้กับครอบครัวที่ไม่ใช่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต
และในการแถลงสรุปของคณะกรรมการสิทธิฯในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ที่ได้กล่าวว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากการถูกตำรวจสังหารในเมืองตานฮูอาโต ต้องถูกบังคับให้ดูการฆ่า 3 รายก่อนที่จะถูกทรมาน ซึ่งเหยื่อผู้รอดชีวิตเหล่านี้ถูกทางเจ้าหน้าที่ขู่เอาชีวิต และรวมไปถึงชีวิตของครอบครัว