เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันพุ่งแรงในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) โดยเบรนต์ลอนดอนอยู่เหนือ 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ปัจจัยทางพลังงานดันวอลล์สตรีทปิดบวก ส่วนทองคำก็ปรับขึ้นเช่นกัน หลังสกุลเงินสหรัฐฯ อ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ ปิดที่ 48.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 50.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดเหนือ 50 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 เดือน
ตลาดน้ำมันในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ยังอยู่ในทิศทางเดิมที่เคลื่อนไหวในทางบวกมาตั้งแต่เข้าสู่เดือนสิงหาคม สืบเนื่องจากข่าวซาอุดีอาระเบียและชาติผู้ผลิตหลักอื่นๆ อาจเห็นพ้องตรึงกำลังผลิตในเดือนหน้า
ขณะเดียวกันตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันพุธ (17 ส.ค.) ระบุว่าสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล และสต๊อกเบนซินลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล บ่งชี้ว่าอุปสงค์แข็งแกร่งขึ้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) ปิดบวก หลังราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และในขณะเดียวกัน วอลมาร์ทก็ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 14 เดือน หลังปรับเพิ่มคาดหมายผลประกอบการ
ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 23.76 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,597.70 จุด เอสแอนด์พีเพิ่มขึ้น 4.80 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,187.02 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 11.49 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,240.15 จุด
ดัชนีพลังงานเพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ หลังน้ำมันดิบเบรนต์ขยับขึ้นเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ขณะที่หุ้นของวอล์มาร์ทเพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ หลังบริษัทค้าปลีกแห่งนี้รายงานกำไรรายไตรมาสดีเกินคาดหมายและปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการตลอดทั้งปี
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ หนึ่งวันหลังเฟดเผยแพร่รายงานการประชุมประจำเดือนกรกฎาคม โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 8.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,357.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์