รอยเตอร์ - สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุในรายงานเหตุการณ์ประจำวันในอิรักว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) อาจจะจับกุมชาวอิรักที่พยายามหลบหนีเอาไว้มากถึง 3,000 คน เมื่อวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) ทั้งยังประหารคนเหล่านั้นไปแล้ว 12 ราย
ก่อนหน้านี้มีคำแถลงของกลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ในอิรักเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่ามีชาวบ้านประมาณ 1,900 ราย โดยฝีมือของสมาชิกกลุ่มไอเอสที่มากันประมาณ 100-120 ราย เพื่อจะนำชาวอิรักเหล่านั้นไปใช้เป็นโล่ห์มนุษย์รับการโจมตีองกองกำลังความมั่นคงอิรัก โดยมีชาวบ้านที่ถูกประหารไปแล้วนับสิบราย
“ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้รับรายงานมาว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พวกไอเอสได้จับตัวชาวบ้านที่เป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเอาไว้มากถึง 3,000 คน จากหลายหมู่บ้านที่เขตฮาวิกา ที่พยายามหนีไปเมืองเคอร์คุก มีรายงานด้วยว่าคนเหล่านั้นถูกประหารไปแล้ว 12 ราย” รายงานของยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุ
สหรัฐอเมริกาได้นำขบวนกองกำลังพันธมิตรนานาชาติ ทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่กลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย ที่ถูกกลุ่มดังกล่าวยึดดินแดนเอาไว้เป็นบริเวณกว้างในปี 2014 การสู้รบที่นั่นได้ทำให้ผู้คนต้องพลัดถิ่นราว 3.4 ล้านรายในประเทศอิรัก
กลุ่มไอเอสเสียเมืองเล็กๆ ไปหลายแห่ง แต่ก็ยังคงควบคุมเมืองใหญ่อย่างโมซุลในอิรัก และเมืองรอกเกาะห์ในซีเรีย
เมื่อเดือนที่แล้ว ยูเอ็นร้องขอเงินบริจาค 284 ล้านดอลลาร์ สำหรับเตรียมให้ความช่วยเหลือในการโจมตีเมืองโมซุล กับอีก 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์หลังการสู้รบ
แต่จากบันทึกข้อมูลทางการเงินของยูเอ็น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ จากผู้ใจบุญ
ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้เริ่มสร้างสถานที่รองรับผู้คนราว 6,000 คนไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโมซุล และกำลังเตรียมสร้างอีกแห่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองดังกล่าวไว้รองรับคนอีกประมาณ 15,000 คน สำหรับผู้ที่ต้องการหาที่หลบภัย
ผู้คนหลายหมื่นที่หนีมาจากเมืองฟัลลูจาห์ ยังคงไม่ได้กลับบ้าน นับตั้งแต่เมืองถูกชิงคืนมาจากกลุ่มไอเอสในเดือนมิถุนายน แถมอาสาสมัครช่วยเคลียร์พื้นที่และกับระเบิดในฟัลลูจาห์ ยังตายไป 3 รายเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ขณะเข้าเคลียร์บ้านหลังหนึ่ง
แม้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะบอกว่าการกลับไปอยู่อาศัยในฟัลลูจาห์ น่าจะเริ่มได้ในเดือนกันยายน แต่กระทรวงอพยพและพลัดถิ่นได้แถลงว่า อาจต้องใช้เวลาอีก 3 เดือน จึงจะดำเนินการย้ายกลับได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ทางการอิรักรายงานว่าผู้พลัดถิ่นประมาณ 300,000 ได้กลับไปที่เมืองรอมาดี ที่กองกำลังอิรักได้ประกาศชัยชนะเหนือพวกญิฮัดที่เมืองรอมาดี เมืองเอกของจังหวัดอันบาร์ ในช่วงเดือนธันวาคม แต่ตอมาได้เรียกร้องให้ระงับการกลับเมือง หลังจากมีชาวบ้านนับสิบที่ถูกกับระเบิดเสียชีวิต