เอเอฟพี - “ฮิลลารี คลินตัน” สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นสตรีคนแรกที่สามารถคว้าตั๋วผู้แทนพรรคการเมืองใหญ่ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดี (28 ก.ค.) โดยเธอยืนยันว่าพร้อมที่จะเป็น “ประธานาธิบดีเพื่อคนทุกกลุ่ม” และจะเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติเพื่อเพิ่มโอกาสแก่ชาวอเมริกัน
อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีพร้อมกับวางมือขวาทาบไว้ที่หัวใจ ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องจากบรรดาผู้แทนออกเสียงหลายพันคนภายในที่ประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครต ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย
คลินตัน วัย 68 ปี ได้วิจารณ์มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ว่าเป็นพวกขายความกลัว (fear monger) และปราศจากนโยบายที่น่าเชื่อถือ
คลินตันเอ่ยย้ำคำว่า “Stronger together” ซึ่งเป็นธีมของการประชุมครั้งนี้ และประกาศว่าสิ่งที่เธอมุ่งมั่นกระทำมาตลอดชีวิตก็คือการส่งเสริมให้ชาวอเมริกันได้มีโอกาสใช้พรสวรรค์และความเพียรพยายามเพื่อสร้างอเมริกาที่เข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม
“และด้วยความรู้สึกนอบน้อม มุ่งมั่น และเชื่อมั่นอย่างไร้ขีดจำกัดต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่อเมริกา ดิฉันขอน้อมรับการแต่งตั้งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ” คลินตันกล่าว
ช่วงเวลาสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของคลินตัน มาถึงช้ากว่าที่เธอคาดไว้ถึง 8 ปี หลังจากที่เธอเคยพ่ายแพ้ศึกไพรแมรีให้แก่ บารัค โอบามา เมื่อครั้งที่ประกาศลงชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวในปี 2008
ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ 1 ชั่วโมงในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ คลินตันได้ชี้แจงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ และย้ำว่า “ภารกิจหลักของดิฉันในฐานะประธานาธิบดีคือการสร้างโอกาสและตำแหน่งงานที่ดี ซึ่งจะทำให้ชาวอเมริกันได้ค่าแรงเพิ่มขึ้น”
คลินตันยอมรับว่า ที่ผ่านมาเศรษฐกิจสหรัฐฯ “ยังไม่เติบโตไปในทิศทางที่ถูกที่ควร”
หลังผ่านการแข่งขันอย่างดุเดือดกับ ส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์ส ในศึกไพรแมรี และยังต้องงัดคำพูดออกมาตอบโต้มหาเศรษฐีปากเปราะอย่าง ทรัมป์ อยู่บ่อยๆ แต่ คลินตัน ก็พยายามหยิบยื่นไมตรีให้แก่นักวิจารณ์ และกลุ่มคนที่ยังไม่ศรัทธาในตัวเธอ
“ดิฉันจะนำเสียงและเรื่องราวของท่านไปสู่ทำเนียบขาว” เธอกล่าว พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลของเธอจะนำนโยบายหลายๆ ด้านของ แซนเดอร์ส ไปผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม
“ดิฉันจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับเดโมแครต รีพับลิกัน และอินดิเพนเดนต์... สำหรับผู้ที่ปากกัดตีนถีบ ผู้ที่ต่อสู้ และผู้ที่ประสบความสำเร็จแล้ว... สำหรับคนที่โหวตให้ดิฉัน และคนที่ไม่ได้โหวต... ดิฉันจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน”
การประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตตลอด 4 วันที่ผ่านมาเป็นเวทีสำหรับบรรดาแกนนำพรรค รวมถึงหัวหน้ากลุ่มอินดิเพนเดนต์บางคน ที่ต่างออกมาย้ำว่า อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งและ ส.ว.รัฐนิวยอร์กผู้นี้มีคุณสมบัติครบเครื่องที่จะเป็นผู้นำสูงสุดของสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีโอบามาได้กล่าวบนเวทีเมื่อวันพุธ (27) ว่า คลินตัน คือ “ทายาททางการเมือง” ของตน และยังโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์หลังจากที่ คลินตัน กล่าวสุนทรพจน์เสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (28) ว่า “เธอผ่านการทดสอบแล้ว เธอพร้อม เธอไม่เคยถอย”
คลินตัน เอ่ยถึงความกังวลที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันตลอด 1 ปีที่ผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรคได้เดินสายหาเสียง โดยเฉพาะถ้อยคำเผ็ดร้อนจากแคมเปญของ โดนัลด์ ทรัมป์
“มีพลังที่รุนแรงพยายามทำให้เราแตกแยกกัน ความเชื่อใจและความเคารพซึ่งกันและกันกำลังอ่อนแอลง”
“เรามองเห็นชัดเจนว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับอะไร แต่เราไม่กลัว... เราจะลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความท้าทายนั้นอย่างที่เราทำมาโดยตลอด”
คลินตัน ยังวิจารณ์คำพูดก้าวร้าวและนโยบายสุดโต่งของ ทรัมป์ ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนได้ออกมาเตือนว่ากำลังสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวอเมริกัน และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
“พอมีใครมายั่วเข้าหน่อย เขาก็ฟาดงวงฟาดงาทันที” คลินตันกล่าว
“คนที่คุณสามารถใช้ข้อความในทวิตเตอร์ยั่วยุเขาได้ ไม่ใช่คนที่คุณควรจะฝากอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในมือของเขา”
คลินตัน และ ทรัมป์ มีกำหนดขึ้นเวทีดีเบตร่วมกันเป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือน ก.ย.
