เอเอฟพี/รอยเตอร์ - คนไข้รายหนึ่งยิงแพทย์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนลงมือฆ่าตัวตายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเบอร์ลินในวันอังคาร (26 ก.ค.) จากการเปิดเผยของตำรวจ พร้อมระบุไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีของก่อการร้าย
โฆษกหญิงของตำรวจบอกกับเอเอฟพีว่ามีเหตุยิงกันหลายนัดที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในย่านสเตกลิทส์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเบอร์ลิน “จากข้อมูลเบื้องต้น คนไข้ของโรงพยาบาลยิงหมอและจากนั้นก็ฆ่าตัวตาย”
เบื้องต้นโฆษกตำรวจระบุ “แพทย์รายดังกล่าวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต” อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาตำรวจเบอร์ลินแถลงว่าหมอรายนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการเป็นตายเท่ากันจากเหตุโจมตี ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชาร์ริเต ได้เสียชีวิตลงไม่นานหลังจากนั้น
ตำรวจเผยว่าตอนนี้สถานการณ์ที่โรงพยาบาลอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบหาภูมิหลังของอาชญากรรมนี้
วินเฟรด เวนเซิล โฆษกตำรวจเบอร์ลิน บอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่พื้นที่ศัลยกรรมกรามของแผนกผู้ป่วยนอก โดยหมอกำลังบำบัดคนไข้ “ระหว่างให้คำปรึกษา คนไข้ชักปืนออกมาและยิงใส่หมอหลายนัด จากนั้นมือโจมตีก็หันปากกระบอกปืนเข้าหาตนพร้อมเหนี่ยวไก และเสียชีวิตจากพิษกระสุน”
เวนเซิลบอกกับรอยเตอร์ทีวีว่า ตำรวจยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้ต้องสงสัย ประวัติ รายละเอียดส่วนตัวหรือแรงจูงใจ แต่บอกว่า “เราไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่าอาชญากรรมนี้มีแรงจูงใจโดยพวกหัวรุนแรงหรืออิสลามิสต์”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่เยอรมนีอยู่ในอาการหวาดวิตกอยู่ก่อนแล้ว ตามหลังเหตุโจมตีโหดร้ายทารุณ 4 ครั้งในเวลาห่างกันไม่กี่วัน ทางภาคใต้ของประเทศ
ผู้ขอลี้ภัยชาวซีเรียรายหนึ่งระเบิดตัวเองด้านนอกของเทศกาลดนตรี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 รายในเมืองอันสบาคเมื่อวันอาทิตย์ (24 ก.ค.) หรือ 6 วันหลังจากผู้โดยสาร 4 คนและผู้สัญจรผ่านไปมา 1 คน ถูกผู้ขอลี้ภัยอีกคนโจมตีด้วยขวานบนขบวนรถไฟในเมืองเวิร์ซบูร์กในวันที่ 18 กรกฎาคม โดยทั้งสองเหตุการณ์พวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกมาอ้างความรับผิดชอบ
ในวันศุกร์ (22 ก.ค.) มีผู้เสียชีวิต 9 รายในเหตุกราดยิงที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในเมืองมิวนิก โดยฝีมือของวัยรุ่นชาวเยอรมันเชื้อสายอิหร่าน ซึ่งมีประวัติปัญหาทางจิต แต่เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกญิฮัด
ส่วนกรณีสุดท้าย ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียคนหนึ่งใช้มีดแทงสตรีชาวโปแลนด์วัย 45 ปีจนเสียชีวิต และมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บ 3 รายเมื่อวันอาทิตย์ (24 ก.ค.) ที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองรอทลิงเกน อย่างไรก็ตาม ตำรวจสรุปว่าเหตุการณ์นี้เป็นการก่ออาชญากรรมอันเนื่องมาจากบันดาลโทสะ