รอยเตอร์ - ไอเอสอ้างเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดสองครั้งกลางการชุมนุมประท้วงของชาวฮาซาราในกรุงคาบูลเมื่อวันเสาร์ (23 ก.ค.) ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน บาดเจ็บกว่า 230 คน ด้านยูเอ็นออกแถลงการณ์ประณาม ขณะที่อเมริกาและรัสเซียประสานเสียงเรียกร้องให้นานาชาติร่วมมือรักษาความปลอดภัยคาบูลและต่อสู้ก่อการร้าย ส่วนกลุ่มตอลิบานชี้เหตุการณ์นี้เป็นแผนจุดชนวนสงครามกลางเมือง
ภาพข่าวทางทีวีเผยให้เห็นร่างผู้เสียชีวิตเกลื่อนกลาดบนถนนที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ใกล้กับบริเวณที่ชาวฮาซารา ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยนิกายชีอะต์ในอัฟกานิสถาน ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลคาบูลเปลี่ยนเส้นทางโครงการพลังงานขนาดใหญ่
สำนักข่าวอามัคที่สนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แถลงว่า นักรบไอเอสสองคนเป็นผู้กดระเบิดที่เข็มขัด ขณะอยู่กลางหมู่ผู้ชุมนุมในคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน
หากเป็นจริง นี่จะถือเป็นการโจมตีอัฟกานิสถานที่รุนแรงที่สุดของไอเอส นับจากกองกำลังที่นำโดยอเมริกาเข้าขับไล่กลุ่มตอลิบานในประเทศนี้เมื่อปี 2001 และยังถือเป็นการขยายอิทธิพลครั้งสำคัญของไอเอสที่ก่อนหน้านี้ถูกจำกัดขอบเขตให้อยู่ในจังหวัดนันการ์ฮาร์ทางตะวันออกเป็นส่วนใหญ่
การอ้างอิงการนับถือนิกายชีอะห์ของชาวฮาซารายังเป็นสัญญาณเตือนภัยสำหรับอัฟกานิสถาน ที่แม้ตกอยู่ในสงครามมาหลายทศวรรษ แต่แทบไม่มีการต่อสู้นองเลือดระหว่างชาวสุหนี่กับชาวชีอะห์แบบในอิรักเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ ไอเอสเป็นกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่
เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นดีเอส) ของอัฟกานิสถาน เผยว่า การโจมตีครั้งนี้วางแผนโดย อาบู อาลี สมาชิกไอเอสที่อยู่ในเขตเอชินของนันการ์ฮาร์ โดยมีมือระเบิด 3 คนเกี่ยวข้องในการโจมตีนี้
มีการประเมินว่า ชาวฮาซาราที่พูดภาษาเปอร์เซียคิดเป็นสัดส่วนราว 9% ของประชากรในอัฟกานิสถาน และถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากที่สุดอันดับ 3 แต่ถึงกระนั้น ชาวฮาซาราก็ถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด และมีหลายพันคนถูกสังหารระหว่างที่ตอลีบานเรืองอำนาจ
ด้านตอลิบานซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายนิกายสุหนี่เช่นเดียวกัน แต่เป็นศัตรูกับไอเอส ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีนี้ที่เชื่อว่าเป็นแผนกระตุ้นสงครามกลางเมือง
เป็นที่น่าสังเกตว่า การโจมตีล่าสุดประสบความสำเร็จทั้งที่รัฐบาลอัฟกันรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เช่น มีการปิดล้อมบริเวณศูนย์กลางเมืองก่อนการประท้วงด้วยตู้คอนเทนเนอร์และสิ่งกีดขวางจำนวนมาก อีกทั้งยังมีเฮลิคอปเตอร์บินลาดตระเวนบนฟ้า โดยทางกระทรวงมหาดไทยอัฟกานิสถานแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 80 คน และบาดเจ็บ 231 คน
ประธานาธิบดีอัชรัฟ กอนี ของอัฟกานิสถาน ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศและให้สัญญาว่าจะล้างแค้น ขณะที่ ทาดามิชิ ยามาโมโตะ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน ประณามเหตุร้ายนี้ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ด้านอเมริกาและรัสเซียประณามการโจมตี และเรียกร้องอีกครั้งให้นานาชาติร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยคาบูล เพื่อต่อสู้กับการก่อการร้ายทุกรูปแบบ