(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
N. Korea orders tech workers to ramp up industrial espionage in China
By AT Editor
(From Radio Free Asia)
16/07/2016
พวกเจ้าหน้าที่ระดับรับผิดชอบของเกาหลีเหนือกำลังจัดส่งแรงงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารออกไปทำงานต่างแดนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังประเทศจีน ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะโจรกรรมเทคโนโลยีระดับก้าวหน้า ซึ่งประเทศที่ถูกทั่วโลกโดดเดี่ยวแห่งนี้ไม่สามารถวิจัยพัฒนาขึ้นมาเองได้ แหล่งข่าวหลายรายภายในเกาหลีเหนือเปิดเผยกับวิทยุเอเชียเสรี
“ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัยซึ่งรวบรวมได้มาจากต่างประเทศโดยฝีมือของกรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (State Security Department) [1] และสำนักงานตรวจการณ์ทางทหาร (Military Reconnaissance General Bureau) [2] ของเกาหลีเหนือ ได้ช่วยเหลือให้ประเทศนี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว” แหล่งข่าวรายหนึ่งในเมืองหลวงเปียงยางบอกกับวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเกาหลี
“(ผู้นำ) คิม จองอึน เน้นย้ำว่านี่เป็นตัวอย่างซึ่งบรรดาผู้ทำงานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology หรือ ICT) ควรที่จะศึกษาและกระทำตาม” เขาเล่า
คิม จองอึน ได้กระตุ้นส่งเสริมให้แรงงานด้านไอซีทีหาทางโจรกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้า เนื่องจากเขาเชื่อว่าทางเกาหลีเหนือเองไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ด้วยตนเองแม้จะทุ่มเทใช้เวลายาวนานเป็น 10 ปี แหล่งข่าวรายนี้แจกแจงต่อ
“เขาแจ้งกับพวกผู้บริหารระดับท็อปว่า จะต้องขยายงานการปฏิบัติการสืบความลับ ให้ครอบคลุมถึงเรื่องเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัยต่างๆ ที่สามารถนำเอามาจากพวกประเทศก้าวหน้าทั้งหลายได้” เขากล่าว
แผนการนี้ประกอบด้วยการใช้งานพวกผู้ชำนาญด้านไอซีทีชาวเกาหลีเหนือราวๆ 1,000 คน ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในจีนอยู่แล้ว แหล่งข่าวรายนี้เล่าต่อ พร้อมกับระบุว่า คิม จองอึนได้ยกย่องชมเชยผู้ชำนาญการเหล่านี้ว่าเป็น “ผู้รักชาติ”
คิม จองอึนยังได้ออกคำสั่งพิเศษหลายฉบับไปถึงพวกผู้บริหารซึ่งรับผิดชอบดูแลผู้ทำงานด้านไอซีทีเหล่านี้ ให้พยายามยืดเวลาการพำนักอยู่ในต่างแดนของพวกเขา รวมทั้งเปิดทางให้นำครอบครัวของพวกเขาไปอยู่ด้วย แหล่งข่าวผู้นี้บอก
ใช้ทุกวิธีการที่เป็นไปได้
ทางด้านผู้ค้าชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งซึ่งถูกส่งตัวมาประจำอยู่ในประเทศจีน เล่าให้วิทยุเอเชียเสรีฟังว่า ระหว่างการประชุมลับครั้งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นในสำนักงานทางการทูตแห่งหนึ่งของประเทศของเขาที่ตั้งอยู่ในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พวกผู้เชี่ยวชาญไอซีทีซึ่งกำลังทำงานอยู่ในจีนได้รับคำสั่งให้รวบรวมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทหารและพลังงานระดับก้าวหน้าทั้งหลาย
“ในการประชุมคราวนี้ มีการหารือกันเกี่ยวกับแผนการต่างๆ เพื่อให้สามารถรวบรวมเทคโนโลยีระดบแนวหน้าล้ำสมัยมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่ไม่ทำให้พวกสถาบันต่างๆ ของจีนไหวตัว” ผู้ค้าผู้นี้บอก “พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือแจ้งกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่าอย่าลังเลใจแต่ให้พร้อมใช้วิธีทุกๆ อย่างที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอซื้อหรือการแอบแฮ็ก เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย” เขากล่าว
แหล่งข่าวรายนี้ระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือได้พยายามจัดส่งผู้ทำงานด้านไอซีทีจำนวนหนึ่งไปยังส่วนต่างๆ ของเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยใช้ข้ออ้างบังหน้าว่าต้องการทำงานหาเงินตราต่างประเทศเพื่อส่งกลับบ้าน ทว่าฝ่ายจีนตรวจพบว่าแรงงานเหล่านี้ในอดีตเคยเกี่ยวข้องพัวพันกับการแฮ็กระบบไอที จึงปฏิเสธไม่ยอมออกวีซ่าทำงานแก่พวกเขา
“พฤติการณ์ที่สะเพร่าเลินเล่อของคนเกาหลีเหนือในจีนอย่างนี้ กำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมา” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือหลายๆ ฝ่าย กลับเพิ่มการรุกหนักในการอบรมบ่มเพาะพวกผู้เชี่ยวชาญไอซีที และในการจัดส่งพวกเขาไปทำงานในต่างประเทศ ผู้ค้าชาวเกาหลีเหนือผู้นี้เล่า
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของผู้ทำงานด้านไอซีทีที่เป็นชาวเกาหลีเหนือก็คือ เป็นที่เชื่อกันในวงการว่าการว่าจ้างพวกเขานั้นประหยัดต้นทุนกว่าการว่าจ้างผู้ทำงานที่เป็นคนจีน
“เกาหลีเหนือจับตามองไปที่พวกเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่สามารถใช้กับพวกอาวุธอานุภาพทำลายร้ายแรง ไม่เพียงเท่านั้นยังสนใจในเรื่องข้อมูลทางทหาร, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์, ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง” เขากล่าว “เรื่องนี้มีความซับซ้อนและครอบคลุมกว้างขวางมาก”
เขาเล่าต่อไปว่า มีพวกผู้ค้าและนักการทูตชาวเกาหลีเหนือจำนวนมากบ่นพึมว่า ทางการโสมแดงกำลังทำให้ชีวิตของผู้ทำงานด้านไอซีทีตกอยู่ในความเสี่ยง จากการออกคำสั่งให้คนเหล่านี้โจรกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้ามาให้ได้ นอกจากนั้นพวกเขายังบ่นกันมากในเรื่องที่ว่าหลังจากเกาหลีเหนือได้เทคโนโลยีเหล่านี้มาแล้ว ทางการก็ไม่เห็นนำเอาไปใช้ในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนสามัญ
“เวลานี้จีนตลอดจนชาติอื่นๆ กำลังรุกหนักในการสืบเสาะหาตัวคนที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมความลับทางอุตสาหกรรม” เขาบอก “คนจำนวนมากเลยจึงรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ เพราะหวั่นเกรงเกี่ยวกับผลต่อเนื่องที่อาจจะเกิดขึ้นมา ถ้าหากเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป”
ข่าวนี้รายงานโดย เจียอุน คิม (Jieun Kim) ให้วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเกาหลี (RFA’s Korean Service) แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย แจ๊กกี้ ยู (Jackie Yoo) และเขียนเป็นภาษาอังกฤษโดย โรสแอนน์ เกอริน (Roseanne Gerin)
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต
หมายเหตุผู้แปล
[1] กรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (State Security Department) หรือ กระทรวงการความมั่นคงแห่งรัฐ (Ministry of State Security) เป็นหน่วยงานด้านตำรวจลับของเกาหลีเหนือ มีฐานะเป็นหน่วยงานอิสระที่รายงานตรงต่อผู้นำสูงสุด หน่วยงานนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 นอกจากหน้าที่ด้านความมั่นคงภายในแล้ว กรมการความมั่นคงแห่งรัฐยังเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการด้านค่ายกักกันใช้แรงงาน ตลอดจนกิจกรรมปิดลับซ่อนเร้นอื่นๆ ของเกาหลีเหนือด้วย (ข้อมูลจาก Wikipedia)
[2] สำนักงานตรวจการณ์ทางทหาร (Military Reconnaissance General Bureau) แห่งกรมเสนาธิการใหญ่ (General Staff Department) เป็นหน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีเหนือหน่วยหนึ่ง ซึ่งบริหารจัดการการปฏิบัติการปิดลับต่างๆ ของรัฐ สำนักงานแห่งนี้แบ่งออกเป็น 6 สำนักงานย่อย โดยที่หนึ่งในนั้นคือ สำนักงาน 121 (Bureau 121) ซึ่งรับผิดชอบงานสงครามไซเบอร์ (ข้อมูลจาก Wikipedia)
N. Korea orders tech workers to ramp up industrial espionage in China
By AT Editor
(From Radio Free Asia)
16/07/2016
พวกเจ้าหน้าที่ระดับรับผิดชอบของเกาหลีเหนือกำลังจัดส่งแรงงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารออกไปทำงานต่างแดนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังประเทศจีน ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะโจรกรรมเทคโนโลยีระดับก้าวหน้า ซึ่งประเทศที่ถูกทั่วโลกโดดเดี่ยวแห่งนี้ไม่สามารถวิจัยพัฒนาขึ้นมาเองได้ แหล่งข่าวหลายรายภายในเกาหลีเหนือเปิดเผยกับวิทยุเอเชียเสรี
“ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัยซึ่งรวบรวมได้มาจากต่างประเทศโดยฝีมือของกรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (State Security Department) [1] และสำนักงานตรวจการณ์ทางทหาร (Military Reconnaissance General Bureau) [2] ของเกาหลีเหนือ ได้ช่วยเหลือให้ประเทศนี้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว” แหล่งข่าวรายหนึ่งในเมืองหลวงเปียงยางบอกกับวิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเกาหลี
“(ผู้นำ) คิม จองอึน เน้นย้ำว่านี่เป็นตัวอย่างซึ่งบรรดาผู้ทำงานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสาร (information and communication technology หรือ ICT) ควรที่จะศึกษาและกระทำตาม” เขาเล่า
คิม จองอึน ได้กระตุ้นส่งเสริมให้แรงงานด้านไอซีทีหาทางโจรกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้า เนื่องจากเขาเชื่อว่าทางเกาหลีเหนือเองไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ด้วยตนเองแม้จะทุ่มเทใช้เวลายาวนานเป็น 10 ปี แหล่งข่าวรายนี้แจกแจงต่อ
“เขาแจ้งกับพวกผู้บริหารระดับท็อปว่า จะต้องขยายงานการปฏิบัติการสืบความลับ ให้ครอบคลุมถึงเรื่องเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัยต่างๆ ที่สามารถนำเอามาจากพวกประเทศก้าวหน้าทั้งหลายได้” เขากล่าว
แผนการนี้ประกอบด้วยการใช้งานพวกผู้ชำนาญด้านไอซีทีชาวเกาหลีเหนือราวๆ 1,000 คน ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในจีนอยู่แล้ว แหล่งข่าวรายนี้เล่าต่อ พร้อมกับระบุว่า คิม จองอึนได้ยกย่องชมเชยผู้ชำนาญการเหล่านี้ว่าเป็น “ผู้รักชาติ”
คิม จองอึนยังได้ออกคำสั่งพิเศษหลายฉบับไปถึงพวกผู้บริหารซึ่งรับผิดชอบดูแลผู้ทำงานด้านไอซีทีเหล่านี้ ให้พยายามยืดเวลาการพำนักอยู่ในต่างแดนของพวกเขา รวมทั้งเปิดทางให้นำครอบครัวของพวกเขาไปอยู่ด้วย แหล่งข่าวผู้นี้บอก
ใช้ทุกวิธีการที่เป็นไปได้
ทางด้านผู้ค้าชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งซึ่งถูกส่งตัวมาประจำอยู่ในประเทศจีน เล่าให้วิทยุเอเชียเสรีฟังว่า ระหว่างการประชุมลับครั้งหนึ่งซึ่งจัดขึ้นในสำนักงานทางการทูตแห่งหนึ่งของประเทศของเขาที่ตั้งอยู่ในจีนเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พวกผู้เชี่ยวชาญไอซีทีซึ่งกำลังทำงานอยู่ในจีนได้รับคำสั่งให้รวบรวมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทหารและพลังงานระดับก้าวหน้าทั้งหลาย
“ในการประชุมคราวนี้ มีการหารือกันเกี่ยวกับแผนการต่างๆ เพื่อให้สามารถรวบรวมเทคโนโลยีระดบแนวหน้าล้ำสมัยมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยที่ไม่ทำให้พวกสถาบันต่างๆ ของจีนไหวตัว” ผู้ค้าผู้นี้บอก “พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือแจ้งกับผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่าอย่าลังเลใจแต่ให้พร้อมใช้วิธีทุกๆ อย่างที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอซื้อหรือการแอบแฮ็ก เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลข่าวสารลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย” เขากล่าว
แหล่งข่าวรายนี้ระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือได้พยายามจัดส่งผู้ทำงานด้านไอซีทีจำนวนหนึ่งไปยังส่วนต่างๆ ของเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยใช้ข้ออ้างบังหน้าว่าต้องการทำงานหาเงินตราต่างประเทศเพื่อส่งกลับบ้าน ทว่าฝ่ายจีนตรวจพบว่าแรงงานเหล่านี้ในอดีตเคยเกี่ยวข้องพัวพันกับการแฮ็กระบบไอที จึงปฏิเสธไม่ยอมออกวีซ่าทำงานแก่พวกเขา
“พฤติการณ์ที่สะเพร่าเลินเล่อของคนเกาหลีเหนือในจีนอย่างนี้ กำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่โตขึ้นมา” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของเกาหลีเหนือหลายๆ ฝ่าย กลับเพิ่มการรุกหนักในการอบรมบ่มเพาะพวกผู้เชี่ยวชาญไอซีที และในการจัดส่งพวกเขาไปทำงานในต่างประเทศ ผู้ค้าชาวเกาหลีเหนือผู้นี้เล่า
ข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของผู้ทำงานด้านไอซีทีที่เป็นชาวเกาหลีเหนือก็คือ เป็นที่เชื่อกันในวงการว่าการว่าจ้างพวกเขานั้นประหยัดต้นทุนกว่าการว่าจ้างผู้ทำงานที่เป็นคนจีน
“เกาหลีเหนือจับตามองไปที่พวกเทคโนโลยีระดับแนวหน้าล้ำสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีที่สามารถใช้กับพวกอาวุธอานุภาพทำลายร้ายแรง ไม่เพียงเท่านั้นยังสนใจในเรื่องข้อมูลทางทหาร, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์, ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง” เขากล่าว “เรื่องนี้มีความซับซ้อนและครอบคลุมกว้างขวางมาก”
เขาเล่าต่อไปว่า มีพวกผู้ค้าและนักการทูตชาวเกาหลีเหนือจำนวนมากบ่นพึมว่า ทางการโสมแดงกำลังทำให้ชีวิตของผู้ทำงานด้านไอซีทีตกอยู่ในความเสี่ยง จากการออกคำสั่งให้คนเหล่านี้โจรกรรมเทคโนโลยีก้าวหน้ามาให้ได้ นอกจากนั้นพวกเขายังบ่นกันมากในเรื่องที่ว่าหลังจากเกาหลีเหนือได้เทคโนโลยีเหล่านี้มาแล้ว ทางการก็ไม่เห็นนำเอาไปใช้ในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนสามัญ
“เวลานี้จีนตลอดจนชาติอื่นๆ กำลังรุกหนักในการสืบเสาะหาตัวคนที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมความลับทางอุตสาหกรรม” เขาบอก “คนจำนวนมากเลยจึงรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ เพราะหวั่นเกรงเกี่ยวกับผลต่อเนื่องที่อาจจะเกิดขึ้นมา ถ้าหากเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป”
ข่าวนี้รายงานโดย เจียอุน คิม (Jieun Kim) ให้วิทยุเอเชียเสรีภาคภาษาเกาหลี (RFA’s Korean Service) แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย แจ๊กกี้ ยู (Jackie Yoo) และเขียนเป็นภาษาอังกฤษโดย โรสแอนน์ เกอริน (Roseanne Gerin)
วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia ใช้อักษรย่อว่า RFA) ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบัญญัติของรัฐสภาสหรัฐฯ และได้รับการสนับสนุนส่วนหนึ่งจากเงินให้เปล่าของรัฐบาลสหรัฐฯ ปัจจุบัน RFA เป็นผู้ดำเนินการสถานีวิทยุและบริการข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต
หมายเหตุผู้แปล
[1] กรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (State Security Department) หรือ กระทรวงการความมั่นคงแห่งรัฐ (Ministry of State Security) เป็นหน่วยงานด้านตำรวจลับของเกาหลีเหนือ มีฐานะเป็นหน่วยงานอิสระที่รายงานตรงต่อผู้นำสูงสุด หน่วยงานนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1973 นอกจากหน้าที่ด้านความมั่นคงภายในแล้ว กรมการความมั่นคงแห่งรัฐยังเกี่ยวข้องในการปฏิบัติการด้านค่ายกักกันใช้แรงงาน ตลอดจนกิจกรรมปิดลับซ่อนเร้นอื่นๆ ของเกาหลีเหนือด้วย (ข้อมูลจาก Wikipedia)
[2] สำนักงานตรวจการณ์ทางทหาร (Military Reconnaissance General Bureau) แห่งกรมเสนาธิการใหญ่ (General Staff Department) เป็นหน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีเหนือหน่วยหนึ่ง ซึ่งบริหารจัดการการปฏิบัติการปิดลับต่างๆ ของรัฐ สำนักงานแห่งนี้แบ่งออกเป็น 6 สำนักงานย่อย โดยที่หนึ่งในนั้นคือ สำนักงาน 121 (Bureau 121) ซึ่งรับผิดชอบงานสงครามไซเบอร์ (ข้อมูลจาก Wikipedia)