(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com และรวบรวมเพิ่มเติมจาก รอยเตอร์และเอเอฟพี)
Japanese chat app operator Line Corp soars in New York debut
14/07/2016
หุ้นของบริษัท Line Corp. ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารสนทนาบนมือถือเจ้าดังของโลก ได้รับความสนใจท่วมท้นจากนักลงทุนในวันประเดิมเปิดตัวทั้งตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นโตเกียว ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่นำออกขายในสองตลาดยักษ์คู่นี้ 35 ล้านหุ้น มีมูลค่ารวมทะยานขึ้นเป็นประมาณ 8,600 ล้านดอลลาร์ จากระดับราคา IPO 1,300 ล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชมและเชียร์ว่า การที่สองตลาดยักษ์โลกตอบรับแรงบ่งชี้ว่านักลงทุนเก็งว่า Line จะสามารถยึดส่วนแบ่งตลาดแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารเสวนาเรียลไทม์บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีจำนวนผู้ให้บริการเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, WeChat หรือ WhatsApp
หุ้นของบริษัท Line Corp. ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารสนทนาบนมือถือเจ้าดังของโลก ได้รับความสนใจท่วมท้นจากนักลงทุนในวันประเดิมเปิดตัว ทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นโตเกียว ส่งผลให้ระดับราคาของหุ้นน้องใหม่ไม่ธรรมดาเจ้านี้สามารถพุ่งทะยานเสียดฟ้าร้อนแรงเวอร์วังอลังการ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ณ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และวันศุกร์ที่ 15 ณ ตลาดหุ้นโตเกียว โดยเป็นการขายหุ้นเทคโนโลยีที่มโหฬารที่สุดของปีนี้
ในการนี้ หุ้นน้องใหม่นาม Line ทะยานตัวโดดเด่นร้อนแรงแซงหน้าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ตั้งแต่เปิดตลาดในวันแรก ณ ตลาดโตเกียว ซึ่งมีเหตุขลุกขลักล่าช้าเล็กน้อย เพราะคำสั่งซื้อมีมหาศาลท่วมท้นคำสั่งขาย ส่งผลให้ระดับราคาหุ้น Line พุ่งฉิวมากกว่า 50% โดยทันที และเมื่อปิดตลาด ราคาหุ้น Line ปรับตัวสูงขึ้นทั้งสิ้น 32% อยู่ที่ 4,345 เยน หรือประมาณ 41 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปรากฏการณ์เปิดตัวคึกคักปังเวอร์ดังกล่าว เป็นกระแสต่อเนื่องกับการเทรดเปิดตัวชนิดที่เวอร์วังอลังการ์ในตลาดนิวยอร์กวันพฤหัสบดีที่ 14 โดยที่ระดับราคาที่ซื้อขายเปลี่ยนมือในระหว่างวัน ทำสถิติสุดฮอตแสนฮิตที่ระดับ 44.49 ดอลลาร์ และเมื่อปิดการซื้อขายแล้ว ราคาหุ้น Line สามารถทะยานขึ้นได้ทั้งสิ้น 27% ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอันน่าอิจฉาสำหรับบริษัทนาเวอร์ คอร์ป แห่งเกาหลีใต้ เจ้าของ Line Corp.
สิริรวมแล้ว Line Corp. นำหุ้นออกขายในสองตลาดยักษ์คู่นี้เป็นจำนวน 35 ล้านหุ้น และด้วยกระแสตอบรับที่แรงจัดดังกล่าว นำให้มูลค่ารวมทะยานขึ้นเป็นประมาณ 8,600 ล้านดอลลาร์ จากระดับราคา IPO 1,300 ล้านดอลลาร์
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ชมและเชียร์ว่า การที่ตลาดตอบรับแรงอย่างคู่ขนานสองตลาดใหญ่ระดับโลก บ่งชี้ว่านักลงทุนเก็งว่า Line จะสามารถยึดส่วนแบ่งตลาดแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารเสวนาเรียลไทม์บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างเหนียวแน่น แม้ตลาดแห่งนี้จะมีจำนวนผู้ให้บริการเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, WeChat หรือ WhatsApp
กระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์หยอดไว้ว่าบริษัทซึ่งเติบใหญ่ขึ้นมาในคราวมหาวิบัติสึนามิปี 2011 ของญี่ปุ่นแห่งนี้ ยังจะต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายนานัปการเมื่อก้าวออกไปโหมยอดผู้ใช้ในตลาดที่ไกลออกไปจากเอเชียและตลาดที่ใช้ภาษาสเปน
“นักลงทุนให้คะแนนแก่ Line สูงมากในแง่ของศักยภาพการเติบโต และเรื่องราวความสำเร็จในการทำ IPO ก็ช่วยกระพือชื่อเสียงของ Line อย่างยิ่ง” กล่าวโดย ฮิเดกิ ยาสุดะ นักวิเคราะห์ค่ายเอซ รีเสิร์ช อินสติติว ในโตเกียว พร้อมกับชี้ประเด็นไว้ด้วยว่า
“Line มีจำนวนผู้ใช้สูงมากแล้ว ผมคิดว่าคงจะสาหัสที่จะขยายยอดขึ้นไปอีก สิ่งที่นักลงทุนเน้นกันตอนนี้ก็ได้แก่ Line จะทำประโยชน์อะไรได้บ้างจากผู้ใช้บริการที่มีจำนวนสูงมาก ในอันที่จะขยายอัตราโต ผ่านรายได้ค่าโฆษณา”
Line ขายหุ้นออกไปรวมทั้งสิ้น 35 ล้านหุ้นภายในสองตลาดยักษ์ของโลก โดยที่ว่าสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐฯ หลังการนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและโตเกียวแล้ว บริษัทนาเวอร์ คอร์ป เหลือหุ้นในมือที่ระดับ 80.8% กระนั้นก็ตาม Line Corp. มีกำหนดการต่อไปว่าจะขายอีก 5 ล้านเพราะมีความต้องการซื้อเนืองแน่น
บริการของไลน์เอื้อให้ผู้ใช้แอป สามารถโทรศัพท์ฟรี ส่งข้อความถึงกันแบบเรียลไทม์ อีกทั้งแปะภาพหรือวิดีโอสั้นๆ ก็ได้ ทั้งนี้ Line ได้ผนวกรวมคุณสมบัติของแอปอื่นๆ ไว้ครบครัน ไล่เรียงตั้งแต่ของ Facebook Messenger, Skype และ WhatsApp โดยมีเกมให้เล่นบนมือถือ ตลอดจนบริการชำระเงินผ่านมือถือด้วย
นอกจากนั้น Line ยังมีสติ๊กเกอร์ภาษาการ์ตูนเป็นตัวเก่งที่ทำให้ Line โดดเด่น โดยจัดทำเป็นสติกเกอร์การ์ตูนไว้ให้ผู้ใช้เลือกแตะเพื่อบอกความในใจ หรือเพื่อใช้แทนข้อความที่ต้องจิ้มกันหลายปุ่มกว่าจะบอกกันรู้เรื่อง ซึ่งนับว่าถูกใจคนไม่ขยันเขียน อีกทั้งคนงานเยอะงานยุ่งไม่มีเวลาจะจิ้มหลายปุ่มนัก โดยสติ๊กเกอร์ลายที่ขายดีคือพี่หมีสีน้ำตาล และแฟนสาวของพี่หมีคือคุณกระต่ายคอนนี่
สติ๊กเกอร์จึงเป็นที่ฮิตฮอตนิยมใช้กันฟรุ้งฟริ้งหนักมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่วัยทีน และจึงเป็นหนึ่งในตัวทำเงินหลักของ Line นอกเหนือจากรายได้จากเกม และรายได้จากค่าโฆษณา
“ถ้ามีใครเล่าเรื่องดีๆ ให้ดิฉันอ่าน ดิฉันจะส่งสติ๊กเกอร์จำพวก ‘เจ๋งอ่ะ’ หรืออาจจะส่งสติ๊กเกอร์ ‘ร้องไห้หนักมาก’ เมื่อมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น” คุณอากิโกะ มูระ สาวก Line ตัวเอ้เล่าไว้อย่างนั้นในช่วงก่อนที่การเทรดหุ้นในโตเกียวจะเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “คือ.. คุณเผยความคิดความรู้สึกด้วยถ้อยคำก็ได้ ด้วยภาพก็ได้อ่ะค่ะ”
บริษัทเผยยอดผู้ใช้ Line แบบสม่ำเสมอในแต่ละเดือน หรือ Monthly Active Users (MAUs) ว่าอยู่ที่ 218 ล้าน MAUs ซึ่งทำให้อันดับโลกของ Line อยู่ที่อันดับ 7 ของแอปสื่อสารสนทนาออนไลน์ ตามผลการวิจัยของค่ายสแตติสติก้า ซึ่งรายงานว่ายักษ์เบอร์หนึ่งโลกคือ WhatsApp ด้วยยอดผู้ใช้ที่ 1,000 ล้าน MAUs ตามด้วย Facebook Messenger ซึ่งมียอดผู้ใช้ที่ 900 ล้าน MAUs (ตัวเลข ณ เดือนมีนาคม) ทั้งนี้ ผู้ใช้แอปของ Line หลักๆ แล้วอยู่ในญี่ปุ่น ไทย ไต้หวัน และอินโดนีเซีย โดย Line แทบจะไม่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ หรือยุโรปเอาเลย ขณะที่ “WhatsApp กับ Facebook Messenger ครองตลาดสหรัฐฯ และยุโรปไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วน WeChat ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
Line แถลงว่ากำไรจากการขายหุ้นจะนำไปใช้พัฒนาตลาดที่เป็นฐานที่มั่นในปัจจุบัน แต่บริษัทก็เข้าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ เพื่อย้ำว่า Line ต้องการให้ฐานลูกค้าของบริษัทเป็นฐานระดับโลก คุณทาเกชิ อีเดะซาวะ ซีอีโอของ Line แถลงข่าวไว้อย่างนั้นในโตเกียว พร้อมยืนยันว่าความสำเร็จจาก IPO ทำให้บริษัทมีทรัพยากรเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ หลังจากที่สามารถขยายตัวเติบใหญ่ขึ้นอย่างมากมายในระยะสองสามปีหลังโศกนาฏกรรมสึนามิ 2011 ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมทั่วประเทศถูกทำลาย และทำให้ทีมงานของบริษัทนาเวอร์ ที่อยู่ในญี่ปุ่นได้นำแอป Line มาใช้เพื่อการสื่อสารในปี 2011 ทั้งนี้ เมื่อขนาดของการบริการและการสร้างรายได้สามารถเติบใหญ่ขยายตัวได้ที่แล้ว จึงมีการแตกบริษัทออกมาต่างหาก และตั้งฐานอยู่ในกรุงโตเกียว
รายรับของ Line ในปี 2015 ประกาศกันที่ 120,000 ล้านเยน พุ่งขึ้น 40% จากเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้า แต่บริษัทสรุปผลประกอบการรวมว่าขาดทุน 7,970 ล้านเยน จากที่เคยทำกำไรฉูดฉาดมหาศาลถึง 2,000 ล้านเยนในปี 2014 ทั้งนี้ บริษัทบอกว่าสาเหตุของการขาดทุนมาจากต้นทุนค่าจ้างพนักงานพุ่งสูงขึ้น (ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2014 – เดือนมีนาคม มีการรับพนักงานใหม่มากกว่า 750 ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักออกแบบและวิศวกร และทำให้จำนวนพนักงานที่ปฏิบัติการเต็มเวลามีจำนวนถึง 2,540 ราย) ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ล้วนเฟ้อแพงขึ้นมาก
ที่ผ่านมา Line Corp. เตรียมจะนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่เมื่อปี 2013-2014 โดยประวิงความตั้งใจไว้นานสองปีเพื่อแก้ไขจัดอ่อนต่างๆ เช่น ด้านการจัดทำรายงานการเงิน ด้านการจัดทำแผนธุรกิจ ด้านการเพิ่มบุคลากร
Japanese chat app operator Line Corp soars in New York debut
14/07/2016
หุ้นของบริษัท Line Corp. ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารสนทนาบนมือถือเจ้าดังของโลก ได้รับความสนใจท่วมท้นจากนักลงทุนในวันประเดิมเปิดตัวทั้งตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นโตเกียว ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่นำออกขายในสองตลาดยักษ์คู่นี้ 35 ล้านหุ้น มีมูลค่ารวมทะยานขึ้นเป็นประมาณ 8,600 ล้านดอลลาร์ จากระดับราคา IPO 1,300 ล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชมและเชียร์ว่า การที่สองตลาดยักษ์โลกตอบรับแรงบ่งชี้ว่านักลงทุนเก็งว่า Line จะสามารถยึดส่วนแบ่งตลาดแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารเสวนาเรียลไทม์บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีจำนวนผู้ให้บริการเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, WeChat หรือ WhatsApp
หุ้นของบริษัท Line Corp. ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารสนทนาบนมือถือเจ้าดังของโลก ได้รับความสนใจท่วมท้นจากนักลงทุนในวันประเดิมเปิดตัว ทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นโตเกียว ส่งผลให้ระดับราคาของหุ้นน้องใหม่ไม่ธรรมดาเจ้านี้สามารถพุ่งทะยานเสียดฟ้าร้อนแรงเวอร์วังอลังการ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ณ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และวันศุกร์ที่ 15 ณ ตลาดหุ้นโตเกียว โดยเป็นการขายหุ้นเทคโนโลยีที่มโหฬารที่สุดของปีนี้
ในการนี้ หุ้นน้องใหม่นาม Line ทะยานตัวโดดเด่นร้อนแรงแซงหน้าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ตั้งแต่เปิดตลาดในวันแรก ณ ตลาดโตเกียว ซึ่งมีเหตุขลุกขลักล่าช้าเล็กน้อย เพราะคำสั่งซื้อมีมหาศาลท่วมท้นคำสั่งขาย ส่งผลให้ระดับราคาหุ้น Line พุ่งฉิวมากกว่า 50% โดยทันที และเมื่อปิดตลาด ราคาหุ้น Line ปรับตัวสูงขึ้นทั้งสิ้น 32% อยู่ที่ 4,345 เยน หรือประมาณ 41 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ปรากฏการณ์เปิดตัวคึกคักปังเวอร์ดังกล่าว เป็นกระแสต่อเนื่องกับการเทรดเปิดตัวชนิดที่เวอร์วังอลังการ์ในตลาดนิวยอร์กวันพฤหัสบดีที่ 14 โดยที่ระดับราคาที่ซื้อขายเปลี่ยนมือในระหว่างวัน ทำสถิติสุดฮอตแสนฮิตที่ระดับ 44.49 ดอลลาร์ และเมื่อปิดการซื้อขายแล้ว ราคาหุ้น Line สามารถทะยานขึ้นได้ทั้งสิ้น 27% ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอันน่าอิจฉาสำหรับบริษัทนาเวอร์ คอร์ป แห่งเกาหลีใต้ เจ้าของ Line Corp.
สิริรวมแล้ว Line Corp. นำหุ้นออกขายในสองตลาดยักษ์คู่นี้เป็นจำนวน 35 ล้านหุ้น และด้วยกระแสตอบรับที่แรงจัดดังกล่าว นำให้มูลค่ารวมทะยานขึ้นเป็นประมาณ 8,600 ล้านดอลลาร์ จากระดับราคา IPO 1,300 ล้านดอลลาร์
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ชมและเชียร์ว่า การที่ตลาดตอบรับแรงอย่างคู่ขนานสองตลาดใหญ่ระดับโลก บ่งชี้ว่านักลงทุนเก็งว่า Line จะสามารถยึดส่วนแบ่งตลาดแอปพลิเคชั่นเพื่อการสื่อสารเสวนาเรียลไทม์บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างเหนียวแน่น แม้ตลาดแห่งนี้จะมีจำนวนผู้ให้บริการเบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น Facebook Messenger, WeChat หรือ WhatsApp
กระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์หยอดไว้ว่าบริษัทซึ่งเติบใหญ่ขึ้นมาในคราวมหาวิบัติสึนามิปี 2011 ของญี่ปุ่นแห่งนี้ ยังจะต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายนานัปการเมื่อก้าวออกไปโหมยอดผู้ใช้ในตลาดที่ไกลออกไปจากเอเชียและตลาดที่ใช้ภาษาสเปน
“นักลงทุนให้คะแนนแก่ Line สูงมากในแง่ของศักยภาพการเติบโต และเรื่องราวความสำเร็จในการทำ IPO ก็ช่วยกระพือชื่อเสียงของ Line อย่างยิ่ง” กล่าวโดย ฮิเดกิ ยาสุดะ นักวิเคราะห์ค่ายเอซ รีเสิร์ช อินสติติว ในโตเกียว พร้อมกับชี้ประเด็นไว้ด้วยว่า
“Line มีจำนวนผู้ใช้สูงมากแล้ว ผมคิดว่าคงจะสาหัสที่จะขยายยอดขึ้นไปอีก สิ่งที่นักลงทุนเน้นกันตอนนี้ก็ได้แก่ Line จะทำประโยชน์อะไรได้บ้างจากผู้ใช้บริการที่มีจำนวนสูงมาก ในอันที่จะขยายอัตราโต ผ่านรายได้ค่าโฆษณา”
Line ขายหุ้นออกไปรวมทั้งสิ้น 35 ล้านหุ้นภายในสองตลาดยักษ์ของโลก โดยที่ว่าสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐฯ หลังการนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและโตเกียวแล้ว บริษัทนาเวอร์ คอร์ป เหลือหุ้นในมือที่ระดับ 80.8% กระนั้นก็ตาม Line Corp. มีกำหนดการต่อไปว่าจะขายอีก 5 ล้านเพราะมีความต้องการซื้อเนืองแน่น
บริการของไลน์เอื้อให้ผู้ใช้แอป สามารถโทรศัพท์ฟรี ส่งข้อความถึงกันแบบเรียลไทม์ อีกทั้งแปะภาพหรือวิดีโอสั้นๆ ก็ได้ ทั้งนี้ Line ได้ผนวกรวมคุณสมบัติของแอปอื่นๆ ไว้ครบครัน ไล่เรียงตั้งแต่ของ Facebook Messenger, Skype และ WhatsApp โดยมีเกมให้เล่นบนมือถือ ตลอดจนบริการชำระเงินผ่านมือถือด้วย
นอกจากนั้น Line ยังมีสติ๊กเกอร์ภาษาการ์ตูนเป็นตัวเก่งที่ทำให้ Line โดดเด่น โดยจัดทำเป็นสติกเกอร์การ์ตูนไว้ให้ผู้ใช้เลือกแตะเพื่อบอกความในใจ หรือเพื่อใช้แทนข้อความที่ต้องจิ้มกันหลายปุ่มกว่าจะบอกกันรู้เรื่อง ซึ่งนับว่าถูกใจคนไม่ขยันเขียน อีกทั้งคนงานเยอะงานยุ่งไม่มีเวลาจะจิ้มหลายปุ่มนัก โดยสติ๊กเกอร์ลายที่ขายดีคือพี่หมีสีน้ำตาล และแฟนสาวของพี่หมีคือคุณกระต่ายคอนนี่
สติ๊กเกอร์จึงเป็นที่ฮิตฮอตนิยมใช้กันฟรุ้งฟริ้งหนักมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่วัยทีน และจึงเป็นหนึ่งในตัวทำเงินหลักของ Line นอกเหนือจากรายได้จากเกม และรายได้จากค่าโฆษณา
“ถ้ามีใครเล่าเรื่องดีๆ ให้ดิฉันอ่าน ดิฉันจะส่งสติ๊กเกอร์จำพวก ‘เจ๋งอ่ะ’ หรืออาจจะส่งสติ๊กเกอร์ ‘ร้องไห้หนักมาก’ เมื่อมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น” คุณอากิโกะ มูระ สาวก Line ตัวเอ้เล่าไว้อย่างนั้นในช่วงก่อนที่การเทรดหุ้นในโตเกียวจะเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “คือ.. คุณเผยความคิดความรู้สึกด้วยถ้อยคำก็ได้ ด้วยภาพก็ได้อ่ะค่ะ”
บริษัทเผยยอดผู้ใช้ Line แบบสม่ำเสมอในแต่ละเดือน หรือ Monthly Active Users (MAUs) ว่าอยู่ที่ 218 ล้าน MAUs ซึ่งทำให้อันดับโลกของ Line อยู่ที่อันดับ 7 ของแอปสื่อสารสนทนาออนไลน์ ตามผลการวิจัยของค่ายสแตติสติก้า ซึ่งรายงานว่ายักษ์เบอร์หนึ่งโลกคือ WhatsApp ด้วยยอดผู้ใช้ที่ 1,000 ล้าน MAUs ตามด้วย Facebook Messenger ซึ่งมียอดผู้ใช้ที่ 900 ล้าน MAUs (ตัวเลข ณ เดือนมีนาคม) ทั้งนี้ ผู้ใช้แอปของ Line หลักๆ แล้วอยู่ในญี่ปุ่น ไทย ไต้หวัน และอินโดนีเซีย โดย Line แทบจะไม่เป็นที่นิยมในสหรัฐฯ หรือยุโรปเอาเลย ขณะที่ “WhatsApp กับ Facebook Messenger ครองตลาดสหรัฐฯ และยุโรปไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วน WeChat ครองตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
Line แถลงว่ากำไรจากการขายหุ้นจะนำไปใช้พัฒนาตลาดที่เป็นฐานที่มั่นในปัจจุบัน แต่บริษัทก็เข้าตลาดหุ้นในสหรัฐฯ เพื่อย้ำว่า Line ต้องการให้ฐานลูกค้าของบริษัทเป็นฐานระดับโลก คุณทาเกชิ อีเดะซาวะ ซีอีโอของ Line แถลงข่าวไว้อย่างนั้นในโตเกียว พร้อมยืนยันว่าความสำเร็จจาก IPO ทำให้บริษัทมีทรัพยากรเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ หลังจากที่สามารถขยายตัวเติบใหญ่ขึ้นอย่างมากมายในระยะสองสามปีหลังโศกนาฏกรรมสึนามิ 2011 ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมทั่วประเทศถูกทำลาย และทำให้ทีมงานของบริษัทนาเวอร์ ที่อยู่ในญี่ปุ่นได้นำแอป Line มาใช้เพื่อการสื่อสารในปี 2011 ทั้งนี้ เมื่อขนาดของการบริการและการสร้างรายได้สามารถเติบใหญ่ขยายตัวได้ที่แล้ว จึงมีการแตกบริษัทออกมาต่างหาก และตั้งฐานอยู่ในกรุงโตเกียว
รายรับของ Line ในปี 2015 ประกาศกันที่ 120,000 ล้านเยน พุ่งขึ้น 40% จากเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้า แต่บริษัทสรุปผลประกอบการรวมว่าขาดทุน 7,970 ล้านเยน จากที่เคยทำกำไรฉูดฉาดมหาศาลถึง 2,000 ล้านเยนในปี 2014 ทั้งนี้ บริษัทบอกว่าสาเหตุของการขาดทุนมาจากต้นทุนค่าจ้างพนักงานพุ่งสูงขึ้น (ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2014 – เดือนมีนาคม มีการรับพนักงานใหม่มากกว่า 750 ราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักออกแบบและวิศวกร และทำให้จำนวนพนักงานที่ปฏิบัติการเต็มเวลามีจำนวนถึง 2,540 ราย) ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ล้วนเฟ้อแพงขึ้นมาก
ที่ผ่านมา Line Corp. เตรียมจะนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่เมื่อปี 2013-2014 โดยประวิงความตั้งใจไว้นานสองปีเพื่อแก้ไขจัดอ่อนต่างๆ เช่น ด้านการจัดทำรายงานการเงิน ด้านการจัดทำแผนธุรกิจ ด้านการเพิ่มบุคลากร