เอเจนซีส์ / MGR online - ศาลสหรัฐฯ เริ่มการพิจารณาความผิดในคดีที่ชายชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลียจำนวน 3 รายจากมลรัฐมินนีโซตาถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าวางแผนเข้าร่วมและให้การสนับสนุนต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย
ในวันอังคาร (31 พ.ค.) ศาลแขวงในมินนีโซตาเริ่มการพิจารณาชายทั้ง 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วย โมฮาเหม็ด ฟาราห์ วัย 22 ปี, อับดิระห์มาน ดาอุด วัย 22 ปี และกูเล็ด โอมาร์ วัย 21 ปี ในข้อหาสมคบคิดในการจัดหาความช่วยเหลือและยุทธปัจจัยให้แก่กลุ่มไอเอส และข้อหาก่ออาชญากรรมนอกเขตแดนของสหรัฐอเมริกา
รายงานข่าวระบุว่า ข้อหาเหล่านี้แต่ละข้อหามีโทษสูงสุดคือ การจำคุกตลอดชีวิต
จอห์น ด็อคเฮอร์ตี ผู้ช่วยอัยการซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ กล่าวต่อศาลว่า ชายชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลียทั้ง 3 รายมีบทบาทในการสนับสนุนและจัดหาความช่วยเหลือให้แก่กลุ่มไอเอสในซีเรียระหว่างช่วงต้นปี 2014 จนกระทั่งถึงราวเดือนเมษายนปีที่แล้ว
ด้านข้อมูลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของมลรัฐมินนีโซตาระบุว่า ชายทั้ง 3 คนเป็นส่วนหนึ่งของ 10 ผู้สนับสนุนนักรบไอเอสในพื้นที่ ซึ่ง 6 คนในจำนวนนี้ถูกดำเนินคดีไปแล้วในข้อหาเดียวกันนี้ ส่วนอีก 1 รายเชื่อว่าในขณะนี้ได้เดินทางไปยังซีเรียแล้ว
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 ได้ดึงดูดนักรบและผู้สนับสนุนชาวต่างชาติจำนวนมากเข้าสู่สงครามนี้ในรูปแบบต่างๆ โดยที่ข้อมูลด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศในโลกตะวันตกระบุว่ามีนักรบชาวต่างชาติจำนวน “หลายหมื่นชีวิต” ตบเท้าเข้าสู่เวทีแห่งความขัดแย้งในซีเรีย รวมถึงในอิรักตลอดหลายปีมานี้
ก่อนหน้านี้ สตัฟฟาน เด มิสตูรา ทูตพิเศษด้านซีเรียขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาเปิดเผยว่า สงครามกลางเมืองและความขัดแย้งในซีเรียได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 400,000 ราย ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา