รอยเตอร์ - เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ครั้งซ้อนทั่วกรุงแบกแดดในวันพุธ (11 พ.ค.) สังหารชีวิตผู้คนอย่างน้อย 80 ศพ ในเหตุโจมตีนองเลือดที่สุดเมืองหลวงของอิรักในรอบปีนี้ที่อ้างความรับผิดชอบโดยพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส)
สถานการณ์ความปลอดภัยในกรุงแบกแดดค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ จากที่เคยถูกถล่มด้วยระเบิดแบบรายวันเมื่อทศวรรษก่อน ทว่ากองกำลังด้านความมั่นคงและพลเรือนชาวชีอะห์ยังคงตกเป็นเป้าหมายโจมตีบ่อยครั้ง ขณะที่บางครั้งเหตุระเบิดรุนแรงก็ถูกจุดชนวนขึ้นจากการโจมตีแก้แค้นชุมชนชาวสุหนี่ ชนกลุ่มน้อยของประเทศ
การสู้รบกับพวกไอเอส ซึ่งยึดครองพื้นที่ราว 1 ใน 3 ของอิรักในปี 2014 ซ้ำเติมความขัดแย้งระหว่างนิกายที่ยืดเยื้อมานานในประเทศแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศึกระหว่างสุหนี่กับชีอะห์ ที่ก้าวสู่อำนาจตามหลังการรุกรานที่นำโดยสหรัฐฯ ในปี 2003
ความรุนแรงดังกล่าวกัดเซาะความพยายามที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการกำราบพวกนักรบ ขณะเดียวกันเหตุระเบิดในวันพุธ (11 พ.ค.) อาจก่อแรงกดดันเพิ่มเติมต่อนายกรัฐมนตรี ไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ในความพยายามคลี่คลายวิกฤตทางการเมืองที่ทำให้รัฐบาลของเขากลายเป็นเป็ดง่อยมานานกว่า 1 เดือนแล้ว
การโจมตีจุดแรกเป็นคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายถล่มตลาดที่จอแจแห่งหนึ่งพื้นที่มุสลิมชีอะห์ของซาดร์ ซิตี สังหารผู้คนไป 55 ศพระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนยามเช้า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 68 คน
รถกระบะซุกซ่อนระเบิดคันหนึ่งถูกจุดชนวนใกล้กับร้านเสริมสวยในตลาดที่พลุกพล่าน โดยเหยื่อจำนวนมากเป็นผู้หญิง ในนั้นหลายคนเป็นเจ้าสาวที่กำลังแต่งหน้าทำผมสำหรับเข้าพิธีวิวาห์ ขณะที่ศพชาย 2 คนที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าบ่าวถูกพบในร้านตัดผมที่อยู่ติดกัน พบเห็นวิกผม รองเท้า และของเล่นเด็กกระจัดกระจายทั่วพื้นด้านนอก และมีรถยนต์อย่างน้อย 2 คันได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด
ส่วนเหตุระเบิดอีกจุดเกิดขึ้นในช่วงท้ายของเวลาทำงาน โดยมือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งจู่โจมจุดตรวจด้านความมั่นคงที่มุ่งสู่คาดิมิยา พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแบกแดด อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของชาวชีอะห์ คร่าชีวิตผู้คน 17 ศพ และบาดเจ็บกว่า 30 คน ขณะที่จุดสุดท้าย คนร้ายโจมตีจุดตรวจบนถนนการค้าสายหนึ่งในทางตะวันตกของแบกแดด ซึ่งเป็นย่านของชาวสุหนี่ ปลิดชีพผู้คนอีก 8 ศพ และบาดเจ็บ 20 คน
กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์โดยเหล่าผู้สนับสนุน ระบุว่าเหตุคาร์บอมบ์ที่ตลาดมีเป้าหมายที่นักรบชีอะห์ซึ่งรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และนักรบของพวกเขา 2 คนเป็นผู้สวมเสื้อกั๊กระเบิดโจมตีกองกำลังความมั่นคงในเหตุโจมตีอีก 2 จุดหลังจากนั้น